‘บิ๊กตู่-อัศวิน’โดนเต็มๆ!‘สังศิต’สับเละกำจัดหาบเร่แผงลอย ทำลายคนฐานราก
‘สังศิต’สับเละ‘รบ.-กทม.’กำจัดแผงลอยทำลายคนฐานราก ชี้เพราะหลงผิดไม่เข้าใจสังคมไทย
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2561 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวในงานเสวนา“กติกาธุรกิจอย่างไรทำให้สังคมเป็นธรรม”จัดโดยคณะตรวจสอบภาคประชาชนร่วมกับ คณะกรรมการญาติวีรชน 35 ถึงนโยบายจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอยในลักษณะกวาดล้างไปแทบทุกพื้นที่ จนทำให้ประชาชนระดับฐานรากได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
โดยรศ.ดร.สังศิต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความหลงผิดของผู้มีอำนาจ โดยไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลกลางในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาลท้องถิ่นคือกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงข้าราชการไทย ที่ได้รับการศึกษาจากโลกตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐอเมริกา มักจะมีมายาคติอันหมายถึงสิ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งคิดว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงทั้งที่อาจจะไม่จริงก็ได้
ซึ่งในที่นี่หมายถึงมีความเชื่อกันว่า ประเทศที่เจริญแล้วคือประเทศที่ไม่มีผู้ขายของอยู่ข้างถนน ประเทศที่เจริญแล้วต้องเข้าไปทำธุรกิจในห้างสรรพสินค้าหรือในอาคารต่างๆ ดังนั้นจึงมองว่าการที่ประเทศไทยมีผู้ขายของริมถนนถือว่าไม่เจริญ และหากจะให้ประเทศเจริญต้องทำให้ผู้ค้าขายหายไปจากริมถนน ซึ่งขัดกับความเป็นจริงของสังคมไทย
“รัฐบาลและกทม.กำลังทำให้เห็นว่าอาชีพแม่ค้าข้างถนนเป็นสิ่งไม่ปกติ สิ่งที่ปกติคือต้องไม่มีแม่ค้า ผมคิดว่าคุณคิดผิด พวกคุณนั่นแหละที่ผิดปกติ เพราะสิ่งปกติจริงๆ ของสังคมไทยคือต้องมีแม่ค้า ผมคิดว่ามายาคติของรัฐบาลและกทม.ที่กำลังคิดอยู่เวลานี้เป็นมายาคติที่ไม่ตรงกับความจริงของสังคมไทย สิ่งที่พวกเขาอยากทำคืออยากเห็นบ้านเมืองสะอาดไม่มีแม่ค้า” รศ. ดร.สังศิต กล่าว
รศ. ดร.สังศิต กล่าวต่อไปว่า ผู้ค้าริมทางมีมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แน่นอนว่ามีมาก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. จะเกิดมาบนโลกนี้เสียอีก แล้วก็เชื่อด้วยว่าในอนาคตแม้ทั้ง 2 จะลงจากอำนาจไปแล้ว แต่การค้าขายแบบแผงลอยก็จะยังคงอยู่ต่อไป และสิ่งที่ภาครัฐกำลังทำอยู่ไม่ใช่ทำลายคนจนเท่านั้นแต่ยังทำลายการท่องเที่ยวด้วย เพราะอาหารข้างถนนหรือสตรีทฟู้ดในไทยมีชื่อเสียงระดับโลก
ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าตนไม่อยากเห็นความสะอาดเป็นระเบียบ แต่ถ้าทำแล้วคนไม่มีงาน ไม่มีรายได้ ชีวิตมีแต่ความเครียดไร้ความสุข แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดี การพัฒนาเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทุ่มเงินนับหมื่นนับแสนล้านบาท เช่น สร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ แต่คนระดับล่างกลับถูกหลงลืมไม่ได้นำมารวมในแผนการพัฒนาด้วย ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่มีโอกาสใดๆ โดยเฉพาะผุ้ค้าขายข้างถนนที่สูญเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว
“ในฐานะที่เป็นคนไทยแล้วก็เป็นมนุษย์ด้วย ต้องให้ความสนใจกับความเจ็บปวดของคนที่สูญเสียอาชีพ แล้วก็ควรให้ความสนใจกับมนุษยธรรม เมตตาธรรม มากกว่าที่จะนึกถึงมาตรฐานแบบตะวันตกที่ไม่มีแม้ค้าอยู่บนถนน ฉะนั้นผมเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่เวลานี้ต้องทบทวน สำหรับผมแล้วบ้านเมืองที่ดีคือบ้านเมืองที่คนสามารถประกอบอาชีพอย่างสุจริตและมีรายได้ดำรงชีพอยู่พอประมาณ”รศ.ดร.สังศิต ระบุ
คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ยังกล่าวถึงกรณีที่เมื่อสื่อมวลชนนำเสนอข่าวกลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอยพยายามเจรจากับภาครัฐเพื่อให้ได้กลับมาค้าขาย แล้วมีประชาชนอีกส่วนหนึ่งสนับสนุนนโยบายกวาดล้างผู้ค้าออกไปจากทางเท้าของรัฐบาล คสช. และ กทม. ด้วยเหตุผลอยากให้บ้านเมืองเป็นระเบียบว่านี่ก็เป็นผลผลิตจากการสร้างความเชื่อของผู้ปกครองต่อประชาชน ไม่ใช่เรื่องธรมชาติเพราะอาชีพค้าขายข้างถนนมีมาก่อนรัฐบาลและผู้บริหารกทม. ชุดปัจจุบัน
รวมถึงตั้งข้อสังเกตกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยว่าเมื่อมีผู้ไปถามว่าเหตุใดต้องกวาดล้างผู้ค้าแผงลอยให้หมดก็มักจะตอบว่าเพราะทำผิดกฏหมาย เรื่องนี้ก็ต้องย้อนถามกลับเหมือนกันว่ากฎหมายที่ออกมานั้นเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายรัฐไม่เคยตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของกฎหมาย มีแต่จะบอกว่าผิดกฎหมายแล้วต้องจับต้องปราบสถานเดียว และตนขอย้ำว่าในความเป็นจริงทางเท้าสามารถบริหารจัดการให้ใช้ร่วมกันได้ระหว่างคนเดินเท้ากับผู้ค้าขาย
“ตอนนี้ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ก็มีคำสั่งว่าให้คณะสถาปัตย์กับคณะออกแบบไปช่วยแม่ค้าหน้ามหาวิทยาลัยทำให้เหมือนปารีส ช่วยตกแต่งให้สวยงาม ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นี่มันเป็นเรื่องของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของธรรมชาติ ถ้ามนุษย์คิดดีทำดีสังคมก็จะดี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับธรรมชาติ เป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล”รศ.ดร.สังศิต ระบุ
ที่มา : https://www.naewna.com/local/378417