กทค.ลั่นฆ้อง 21 มิ.ย.นี้ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่างครอบงำกิจการ
- “สุทธิพล”คาดหวังทุกฝ่ายรวมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างสรรค์กติการ่วมกัน
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบูรณาการและปรับปรุงกฎหมายและระเบียบด้านโทรคมนาคม เปิดเผยว่า การจัดทำร่างประกาศ กสทช. เรื่องการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าวพ.ศ. .... เริ่มงวดเข้ามาทุกขณะ โดยล่าสุดทางสำนักงาน กสทช. ได้กำหนด วัน เวลา และสถานที่ เพื่อเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะจากผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไป ต่อร่างประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว พ.ศ. ... ณ ห้องคอนเวชั่น ชั้น 4 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน 2555 เวลา 9.00 -13.30 น.
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ร่างประกาศฉบับนี้ย่อมมีผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้นในฐานะที่กสทช.เป็นองค์กรกำกับดูแล จึงจำเป็นต้องยืนอยู่ตรงกลางและยึดหลักการทำหน้าที่ตามกรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ ในขณะเดียวกันก็จะมุ่งมั่นจัดทำร่างประกาศฯฉบับนี้อย่างตรงไปตรงมาด้วยความระมัดระวัง โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนเป็นสำคัญ อีกทั้งยังคาดหวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมเแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่มีการตั้งธงอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าจะมีการตั้งธงก็ขอให้เป็นธงของการรวมใจเป็นหนึ่งเดียวในการสร้างสรรค์กติการ่วมกัน เพราะเนื้อแท้ของร่างประกาศฯนี้ เป็นการยึดหลักการเดิม ตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ซึ่งกำหนดเงื่อนให้ กสทช. ดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จึงไม่มีประเด็นการสร้างข้อกีดกันในการมาลงทุนของคนต่างด้าว แต่เป็นการทำให้หลักการที่มีอยู่เดิมสามารถบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่เพียงเท่านั้นร่างประกาศฯฉบับนี้ ไม่ได้ไปห้ามการครอบงำโดยคนต่างด้าวโดยตรง แต่ไปกำกับดูแลบริษัทไทยที่อยู่หรือจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ให้ไปกำหนดลักษณะข้อห้ามการครอบงำโดยคนต่างด้าว และให้รายงานว่ามีกรณีฝ่าฝืนข้อห้ามที่ผู้ประกอบการเป็นผู้กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งการกำหนดข้อห้ามนั้นเป็นดุลพินิจของผู้ประกอบการเอง ในลักษณะเป็นการควบคุมตนเองและเป็นการให้ข้อมูลเพื่อให้เกิดบรรษัทภิบาลในกิจการของผู้ประกอบการเอง โดยจะต้องทำตามแนวทางที่ กสทช. กำหนด หากมีกรณีที่เห็นว่า อาจมีการฝ่าฝืนข้อห้ามที่กำหนดไว้ ก็รายงานต่อ กสทช. เพื่อพิจารณา เมื่อ กสทช. พบว่าไม่ถูกต้องก็จะแจ้งให้แก้ไขให้ถูกต้อง หากไม่ปฏิบัติตามก็เป็นกรณีที่จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ต่อไป
นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมให้เป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการรายเล็กที่จะไม่ถูกเอาเปรียบในแง่ธุรกิจโดยผู้ประกอบการรายอื่นที่อาศัยการหลบหลีกกฎหมายและให้คนต่างด้าวเข้ามาครอบงำกิจการ ดังนั้น ร่างประกาศฯจึงเป็นเรื่องการป้องกันการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว และมิใช่มาตรการกีดกันผู้ประกอบการรายใหม่ที่สนใจเข้ามาแข่งขันในการประมูลคลื่น 3G อีกด้วย
ดร.สุทธิพล กล่าวด้วยว่า การบังคับใช้กฎหมาย ด้วยการออก ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับ ตลอดจนกฎกติกาต่างๆที่เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่อยู่ภายใต้บทบาท และอำนาจหน้าที่ของกสทช.นั้น ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้องคาพยพที่เกี่ยวข้องในทุกมิติสามารถเดินหน้าไปอย่างราบรื่น ภายใต้กฎกติกาเดียวกัน ที่มีความเป็นธรรมและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
“การออกกฎกติกาถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการกำหนดกรอบให้คนในสังคมนั้นๆยึดถือและปฏิบัติตามและเมื่อกฎกติกานั้นมีผลใช้บังคับแล้วทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับในกฎกติกานั้นด้วยดังนั้นทุกฝ่ายจึงควรใช้เวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศฉบับนี้ในเชิงสร้างสรรค์เพื่อกำหนดกฎกติการ่วมกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ประชาชน และอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยรวม”
ดร.สุทธิพล กล่าวในที่สุด
