หุ้นแมริออทดิ่งหลังเผยข้อมูลลูกค้า 500 ล้านรายถูกแฮก
ราคาหุ้นของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ เครือโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ดิ่งลงกว่า 5% เมื่อวันศุกร์(30พ.ย.)ตามเวลาสหรัฐ หลังบริษัทเปิดเผยว่า แฮกเกอร์ ได้ลักลอบเจาะฐานข้อมูลการสำรองห้องพักของลูกค้าโรงแรมสตาร์วูด ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือ ส่งผลให้มีการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้าราว 500 ล้านราย
เมื่อเวลา 00.30 น.ตามเวลาไทยของวันศุกร์ ราคาหุ้นแมริออทร่วงลง 5.64% สู่ระดับ 114.97 ดอลลาร์
ทั้งนี้ แมริออท ระบุว่า การลักลอบเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2557 และในจำนวนลูกค้า 327 ล้านรายจากทั้งหมด 500 ล้านราย ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึง ชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เพศ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์แอดเดรส หมายเลขพาสปอร์ต ข้อมูลบัญชี Starwood Preferred Guest รวมทั้งข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ
นอกจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิต และวันหมดอายุของลูกค้าบางราย ก็อาจเกิดการรั่วไหลเช่นกัน ล่าสุด แมริออทได้แจ้งเรื่องดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ และจะให้การสนับสนุนในการสอบสวนต่อไป
ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของแมริออทมากนัก แต่ที่กระทบมากกว่าคือชื่อเสียงของบริษัท ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดบริษัทจึงใช้เวลานานถึง 4 ปี กว่าจะทราบปัญหาดังกล่าว
แมริออทได้ทุ่มเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ซื้อกิจการสตาร์วูด โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ท เวิลด์ไวด์ อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของเครือโรงแรมขนาดใหญ่ของโลก ส่งผลให้แมริออทกลายเป็นเครือโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีเครือโรงแรม 30 แห่งภายใต้การบริหารงาน ซึ่งรวมถึง เชอราตัน, เวสติน และเซนต์ รีจิส ซึ่งเป็นของสตาร์วูด และโรงแรมในเครือของแมริออท ซึ่งได้แก่ คอร์ทยาร์ด, ริทซ์-คาร์ลตัน และแฟร์ฟิลด์ อินน์
นอกจากนี้ ผลจากการซื้อกิจการสตาร์วูด ทำให้แมริออทมีอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากกว่า 5,800 แห่ง และจำนวนห้องพักโรงแรมมากกว่า 1.1 ล้านห้องใน 110 ประเทศ
ที่มา:http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/820059

