อดีตผู้ว่า กฟน.ถูกไล่ออกคดีทุจริต อ้างกม.ล้างมลทินทวงเงินคืน-กฤษฎีกาตอกหน้าหงาย

นายเกษม ใจหงษ์ อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ซึ่งถูกลงโทษทางวินัยให้ออกจากงานเมื่อปี พ.ศ.2546 เนื่องจากกระทำความผิดทางวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ –รายงานเท็จเป็นเหตุให้เสียหายแก่ กฟน.ได้ทำหนังสือขอให้ยกเลิกคำสั่งลงโทษทางวินัยและ ขอคืนสิทธิประโยชน์และสวัสดิการสำหรับพนักงานที่พ้นจากตำแหน่งกว่า 650,000 บาทโดยอ้างว่า ได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 แต่ทาง กฟน.ได้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งยืนยันว่า ไม่ต้องยกเลิกคำสั่งลงโทษทางวินัยและไม่มีสิทธิทวงคืนสิทธิหรือประโยชน์ต่างๆ
สำหรับรายละเอียดของบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา(เรื่องเสร็จที่ 634/2555)สรุปได้ดังนี้ กฟน.มี หนังสือลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ด้วยนายเกษม ใจหงษ์
อดีตผู้ว่าการ กฟน. มีหนังสือลงวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555 ขอคืนสิทธิประโยชน์และสวัสดิการสำหรับพนักงานที่พ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุสูงอายุ เนื่องจากได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 กรณีที่ถูกลงโทษทางวินัยให้ออกจากงานตามคำสั่ง กฟน. ลงวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2546 เนื่องจากกระทำความผิดทางวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ และฐานรายงานเท็จเป็นเหตุให้เสียหายแก่ กฟน.อย่างร้ายแรง ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.กอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และ ข้อบังคับการไฟฟ้านครหลวง ว่าด้วยวินัยและการลงโทษพนักงาน พ.ศ. 2533
ต่อมาได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ล้างมลทินฯเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ซึ่งตามมาตรา 5บัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยในกรณีซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550
โดยให้ถือว่า ผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้นๆ นายเกษม จึงเห็นว่าตนได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว
นอกจากนั้น นายเกษม ได้อ้างว่าในคดีอาญาที่ตนถูกพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งในทางพิจารณาคดีดังกล่าวไม่ปรากฏว่า มีการทุจริตในการจ้างงานก่อสร้าง
บ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินโครงการจิตรลดา คงปรากฏตามคำวินิจฉัยของศาลแต่เพียงว่า การจัดทำเอกสารในโครงการดังกล่าวไม่ถูกต้องตามระเบียบ ซึ่งภายหลังจากที่ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาแล้ว ตนได้นำความกราบบังคมทูลเกล้าถวายฎีกาขอรับพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสให้อภัยโทษค่าปรับแล้วเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553 จึงขอให้ กฟน.พิจารณายกเลิกคำสั่ง เรื่อง ให้พนักงานออกจากงาน โดยให้ ออกคำสั่งหรือแก้ไขคำสั่งเป็นให้ตนพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุสูงอายุดังเดิม ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2543 และขอให้คืนสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ เป็นเงินจำนวน 658,399.30 บาท ด้วย
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) มีความเห็นดังต่อไปนี้
ประเด็นที่หนึ่ง กฟน.จะต้องดำเนินการยกเลิกคำสั่งลงโทษทางวินัยนายเกษม ตามคำสั่ง กฟน. เรื่อง ให้พนักงานออกจากงาน ลงวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2546 และออกคำสั่งหรือแก้ไขคำสั่งเป็นให้นาย พ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุสูงอายุ ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2543 ตามที่นายเกษม ร้องขอหรือไม่ หรือ กฟน.ควรดำเนินการประการใด
เห็นว่า กฟน.ไม่จำต้องยกเลิกคำสั่งลงโทษทางวินัยนาย และไม่จำต้องออกคำสั่งหรือแก้ไขคำสั่งเป็นให้นายเกษม พ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุสูงอายุ ตามที่ ร้องขอแต่ประการใด เนื่องจากคำสั่งลงโทษทางวินัยที่เสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ดังความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาตามเรื่องเสร็จที่ 4/2519 และ พ.ร.บ.ล้างมลทินฯมีผลเป็นเพียงการล้างโทษเพื่อไม่ให้มีมลทินติดตัวต่อไป แต่การกระทำหรือความประพฤติที่เป็นเหตุให้ผู้นั้นถูกลงโทษดังกล่าวมิได้ถูกลบล้างไปด้วยตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2539 ทั้งการพระราชทานอภัยโทษก็เป็นเพียงการอภัยโทษปรับซึ่งเป็นโทษอาญาอย่างหนึ่งเท่านั้น โดยยังมีโทษอาญาจำคุกอยู่เพียงแต่ให้รอการลงโทษ และยังต้องทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ ประกอบกับมิใช่กรณีที่ต้องเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
นอกจากนี้ผู้แทน กฟน.ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าในทางปฏิบัติเมื่อมีกฎหมายว่าด้วยการล้างมลทินก็ได้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือน โดยเพียงบันทึกหมายเหตุไว้ในประวัติการทำงานโดยมิได้ยกเลิกคำสั่งลงโทษทางวินัยและมิได้ลบล้างข้อความที่บันทึกไว้แต่เดิมว่าเคยมีคำสั่งลงโทษทางวินัย
ประเด็นที่สอง กฟน.จะต้องดำเนินการคืนสิทธิประโยชน์และสวัสดิการ ให้แก่นายเกษม เห็นว่า มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ บัญญัติให้การล้างมลทินตามมาตรา 4 และมาตรา 5 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ได้รับการล้างมลทินในอันที่จะเรียกร้องสิทธิหรือประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น โดยที่สิทธิหรือประโยชน์ที่ผู้ได้รับการล้างมลทินจะเรียกร้องไม่ได้นั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยวินิจฉัยและให้ความเห็นว่า หมายถึง สิทธิหรือประโยชน์ที่เสียไปเพราะการถูกลงโทษทางวินัย แต่ไม่หมายความรวมถึงสิทธิหรือประโยชน์ที่พึงจะได้รับภายหลังจากการล้างมลทินแล้ว (เรื่องเสร็จที่ 322/2531เรื่องเสร็จที่ 299/2534 และเรื่องเสร็จที่ 49/2552 ดังนั้น นายเกษม จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ กฟน.คืนสิทธิประโยชน์และสวัสดิการใดๆ ได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสิทธิประโยชน์และสวัสดิการดังกล่าวที่นายเกษมฯ ได้ขอคืน นั้น เป็นไปตามระเบียบหรือข้อบังคับของ กฟน. ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ กฟน.หรือผู้ว่าการ กฟน.จะพิจารณาตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องที่ กฟน.จะพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ปฏิบัติงานหรือพนักงานของตนต่อไปได้
