ไทยจำต้องปฏิเสธคำขอของสหรัฐฯ (5)...กรณีอู่ตะเภา
(1) นโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการสกัดกั้นจีนนั้นเป็นเรื่องจริง สหรัฐฯ ต้องการใช้อู่ตะเภาเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธวิธีต่อต้านจีนก็เป็นของจริง ผู้นำไทยที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องนี้ต้องรอบคอบ อย่าเชื่อสิ่งที่ฝ่ายสหรัฐฯ พูดเสียทั้งหมด พวกเขาจะพูดกับคนไทยที่ต้องการเป็นมิตรกับจีนอย่างหนึ่ง แต่จะพูดกับคนญี่ปุ่นและคนฟิลิปปินส์ที่มีปัญหาขัดแย้งกับจีนอีกอย่างหนึ่ง และพวกเขามีกลเม็ดในการเจรจาให้ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการเฉพาะหน้าโดยให้คนไทยได้แต่ความคาดหวัง
(2) ไทยไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในฐานะที่เราเป็นมิตรกับทั้งสองประเทศ (และควรรักษาฐานะเช่นนี้ต่อไป) ยังไม่สายเกินไปที่จะใช้การทูตส่งเสริมให้พวกเขาเป็นมิตรกันและร่วมมือกันสร้างภูมิภาคเอเชียให้เป็นแดนสันติภาพ
(3) ไทยไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งกันเรื่องกรรมสิทธิ์ในดินแดนบริเวณทะเลจีนใต้ เราควรยึดหลักความปรองดองกัน และให้ประเทศคู่พิพาทเจรจาตกลงกันแบบทวิภาคี เราไม่มีปัญหาเรื่องดินแดนกับจีน แต่มีปัญหากับกัมพูชา เราก็ควรยึดหลักการเจรจากันแบบทวิภาคีเช่นกัน
(4) สำหรับสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ (ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บรูไน และมาเลเซีย) บางประเทศต้องการดึงสหรัฐฯ มาเสริมฐานะของตัวในการต่อสู้กับจีนนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องสนับสนุนเขา เพราะจะเสียแรงเปล่า อย่างไรเสียจีนก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ ส่วนสิงคโปร์และอินโดนีเซียที่ต้องการเอาสหรัฐฯมาถ่วงดุลกับจีนในภูมิภาคของเรา ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขา
(5) ถ้าไทยตกลงให้สหรัฐฯ ใช้อู่ตะเภา จะมีข้อตกลงลับหรือเปิดเผยอย่างไรก็ปกปิดไม่อยู่ ผลก็คือมิตรภาพไทย-จีนจะถูกลดระดับ ถึงตอนเข้าตาจนขึ้นมาแล้วจะเสียใจก็สายไปแล้ว
(6) วิธีปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ นั้นไม่ยาก (ก) สหรัฐฯ เป็นประชาธิปไตยเหมือนกับไทย ในระบอบประชาธิปไตยของไทย ข้อตกลงนี้จะทำเป็นข้อตกลงลับไม่ได้ ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 (นอกจากจะใช้กลโกงเลี่ยงกฎหมายแบบศรีธนนชัย) จะให้รัฐสภาตัดสิน ฝ่ายคัดค้านก็คงช่วยกันต่อต้านทั้งในที่ประชุมและบนท้องถนน ทำให้เสื่อมเสียมิตรภาพไทย-สหรัฐฯ แน่นอน เข้าใจว่าสหรัฐฯ ต้องเข้าใจ (ข) ถ้าสหรัฐฯ สนใจช่วยคนเอเชียด้านมนุษยธรรมในยามมีภัยพิบัติ จุดที่ใกล้ภัยพิบัติที่สุดคืออินโดนีเซีย ถามดูก็ได้ว่าอินโดนีเซียจะให้ดินแดนใช้เพื่อการนี้ได้หรือไม่ (ค) ถ้าสหรัฐฯ สนใจช่วยไทยให้มีศูนย์ศึกษาภูมิอากาศเพื่อป้องกันภัยพิบัติ (โดยความร่วมมือของ NASA) ไทยยินดีต้อนรับให้เขาส่งผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ที่ทันสมัยล้ำยุคมาประจำอยู่ที่สถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยแห่งใดแห่งหนึ่งของไทยก็ได้
(7) สนามบินอู่ตะเภาปัจจุบันใช้ประโยชน์อเนกประสงค์ เช่น ใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการซ้อมรบ Cobra Gold ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (เกือบทุกปี) ใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการบรรเทาภัยพิบัติสึนามิ (พ.ศ. 2547) พายุฝน Cyclone Nargis(พ.ศ. 2551) ภารกิจด้านพลเรือนเหล่านี้ เราตอบสนองผลประโยชน์ของประเทศเพื่อนบ้านด้วย ในยามมีภัยพิบัติ สหรัฐฯ หรือจีน หรือประเทศอื่นๆ ทั่วโลกจะขอเข้ามาช่วยเหลือประชาชนด้านมนุษยธรรม ไทยไม่เคยขัดข้อง และควรเป็นนโยบายเช่นนี้ต่อไป ได้มิตรไม่ใช่สร้างศัตรู
(8) สุดท้าย ตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญของไทยปัจจุบัน ไม่มีใครในแผ่นดินนี้มีอำนาจมอบอำนาจอธิปไตยเหนืออู่ตะเภาให้สหรัฐฯ เอาไปใช้ได้อย่างเสรีเหมือนสมัย 40-50 ปีที่แล้ว (ถ้าใครบิดเบือนดังสมัยนั้นก็คงจะถูกดำเนินคดี) เพราะเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 119, 120, 129 มาตรา 157 บัญญัติว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ... ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี...” มาตรา 119 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต” มาตรา 120 “ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐหรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี” มาตรา 129 “ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดใดๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น”
หมายเหตุ : ฉบับสมบูรณ์มีแหล่งอ้างอิงดูได้ที่ www.thaiworld.org