Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 15 ธนาคารใหญ่ของโลก

Moody’s Investors Service ปรับลดอันดับความเชื่อถือของ 15 ธนาคารที่มีธุรกรรมเกี่ยวพันกับตลาดทุนเป็นจำนวนมากได้แก่ Bank of America, N.A., Barclays Bank plc ,BNP Paribas, Citibank, N.A., Credit Agricole S.A., Credit Suisse AG, Deutsche Bank AG, Goldman Sachs Bank USA, HSBC Bank plc, JPMorgan Chase Bank, N.A., Morgan Stanley Bank, N.A., Royal Bank of Canada, Royal Bank of Scotland plc, Societe Generale, และ UBS AG
ไม่ใช่การปรับลดแบบเฉียบพลัน การปรับอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้เป็นผลมาจากการทบทวนที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่ง Moody’s ได้เริ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการเช่น สภาพคล่อง ความมั่นใจของนักลงทุน และกฎเกณฑ์การกำกับสถาบันการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป
สะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดทุน ธนาคารใหญ่ๆ เหล่านี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีรายได้ที่มาจากธุรกรรมในตลาดทุน เช่น derivatives เป็นสัดส่วนที่สูงของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อพิจารณาสถาณการณ์ในปัจจุบันในยูโรโซนที่มีความผันผวนสูงแล้ว รายได้โดยรวมของธนาคารเหล่านี้จึงมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูงตามไปด้วย
ธนาคารใหญ่ๆ กำลังถูกบีบให้ลดความเสี่ยงลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารในยุโรปกำลังพยายามทำอยู่แล้ว โดยการลดขนาดของสินทรัพย์และหนี้สินเพื่อให้มีปริมาณเงินกองทุนที่เพียงพอ สิ่งที่จะกระทบกับประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทยก็คือการที่ธนาคารในยุโรปจะต้องลดการปล่อยกู้ให้กับภาคเอกชนทั้งในและนอกยุโรปลงต่อไป
ต้นทุนการทำธุรกรรมในตลาดทุนแพงขึ้น คู่สัญญาในการทำธุรกรรมคงต้องการหลักประกันจากธนาคารเหล่านี้เพิ่มขึ้นซึ่งอาจทำให้ปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดทุนที่ตั้งอยู่บนความเชื่อมั่นลดลง และจะไปเพิ่มต้นทุนการทำธุรกรรมที่มีความสำคัญกับภาคเศรษฐกิจจริงเช่น การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของผู้นำเข้าและส่งออกของไทย
ผลกระทบต่อตลาดทุนและตลาดเงินในประเทศไทยมีน้อย อันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารในประเทศไทยคงไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยนี้เพราะธนาคารในไทยไม่ได้เข้าไปแสวงหารายได้จากการทำธุรกรรมในตลาดทุนของยุโรป และยังมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง สิ่งที่จะกระทบกับตลาดเงินและตลาดทุนในประเทศไทยน่าจะมาจากความผันผวนตามเงินทุนเคลื่อนย้ายที่มีความอ่อนไหวกับปัจจัยเสี่ยงในตลาดโลก
