26 มิถุนาฯ วันต่อต้านการซ้อมทรมานสากล ญาติเหยื่อร้องถูกข่มขู่ คุกคาม
แพทย์หญิงจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชี้ลดปัญหาการซ้อมทรมาน ต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เข้าช่วย แทนคำสารภาพ ขณะที่ทนายด้านมนุษยชน เสนอลดการใช้กฎหมายพิเศษ กฎอัยการศึก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อุดช่องโหว่เจ้าหน้าที่ลุแก่อำนาจ
เนื่องในวันต่อการต้านซ้อมทรมานสากล 26 มิถุนายน คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย โดยคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายด้านกระบวนการยุติธรรม จัดเวทีสาธารณะเรื่อง "การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาเหยื่อซ้อมทรมาน" ณ โรงแรมทีเค พาเลซ แจ้งวัฒนะ โดยมีเหยื่อและครอบครัวเหยื่อจากการถูกซ้อมทรมาน ทนายความผู้เคยทำคดี องค์กรเอกชนที่ทำงานด้านการป้องกันการทรมาน แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายทหารพระธรรมนูญ ผู้บัญชาการเรือนจำ ฯลฯ เข้าร่วม
นายสมชาย หอมลออ ประธานกรรมการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายฯ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment- CAT) ตั้งแต่ปี 2550 แต่ถึงปัจจุบันกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาเหยื่อทรมาน อีกทั้งการคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพมักถูกละเลยจากบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมอีกด้วย จนเป็นเหตุให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น
"ในหลายกรณีเมื่อเหยื่อร้องเรียนการถูกซ้อมทรมานกลับถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง ข่มขู่ คุกคาม จนเหยื่อและครอบครัวไม่กล้าใช้กระบวนการยุติปกป้องสิทธิ์"นายสมชาย กล่าว และว่า ดังนั้น จำเป็นต้องมีการปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย หรือกฎระเบียบ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้
ด้านดร.แพทย์หญิงปานใจ โวหารดี สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ หรือนิติเวช คือการปฏิบัติเพื่อให้เกิดสิทธิมนุษยชนขึ้นมา ซึ่งในประเทศที่เจริญแล้ว นิติวิทยาศาสตร์ก็จะเจริญมากตามไปด้วย โดยกระบวนการสืบสวนสอบสวนจะไม่ใช่พยานบุคคลมากนัก แต่จะใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ปัญหาการซ้อมทรมาน เพื่อให้ได้มาซึ่งหลักฐานนั้นลดลง
"ยกตัวอย่าง ประเทศอังกฤษ นิติวิทยาศาสตร์ก้าวกระโดดขึ้นมาก มีกฎหมายบังคับให้ทนายความนั่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหา ขณะที่ของประเทศไทยกฎหมายมีเช่นกัน แต่ประชาชนไม่รู้สิทธิ ตำรวจก็ไม่แจ้งสิทธิ ดังนั้น จึงถือว่าการปฏิบัติยังทำได้ไม่เต็มที่"
ดร.แพทย์หญิงปานใจ กล่าวอีกว่า นิติวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยยังไม่เข้มแข็ง ปัญหาก็คือ ส่วนใหญ่ตำรวจยังพึ่งคำสารภาพ ดังนั้น เมื่อต้องการปิดคดีก็จะต้องใช้วิธีซ้อม เพื่อต้องการคำสารภาพ วิธีนี้นอกจากมีผลต่อผู้ถูกซ้อมแล้ว ยังมีผลต่อครอบครัวเหยื่อ และชุมชนด้วย
"การเสียชีวิตในระหว่างการคุมตัวของเจ้าหน้าที่รัฐ การอุ้มหาย วิสามัญฆาตกรรม หรือการซ้อมทรมาน สามารถใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เข้าไปจับได้ เช่น การซ้อมทรมานจะมีบาดแผลให้ตรวจเห็นได้ แต่มีข้อจำกัดต้องตรวจให้เร็วที่สุด เนื่องจากแผลฟกช้ำ (พยานหลักฐาน) 1-2 วัน จะหายไป ตรวจไม่เจอ หรือมีท่าทรมานบางอย่างนั้น ก็ไม่สามารถตรวจพบ หรือการทรมานบางครั้งมีผลต่อจิตใจ ทำให้เกิดความหวาดกลัว เครียด และไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้เลย ฉะนั้น การตรวจหาพยานหลักฐานจำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลที่มีผลกระทบทางด้านจิตใจด้วย "
ขณะที่นายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความ กล่าวถึงการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และได้มีโอกาสรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน พบว่า มีหลายเรื่องเกี่ยวกับการถูกซ้อมทรมาน บางรายถึงขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัส และพิการก็มี โดยเฉพาะกฎอัยการศึก ที่มีการนำมาใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้นั้น ก็เป็นปัญหาทำให้เกิดการซ้อมทรมานขึ้น
พร้อมกับยกตัวอย่าง คดีอิหม่ามยะผา กาเซ็ง ซึ่งประจำมัสยิดบ้านกอตอ ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และพวกอีก 5 คนถูกจับในข้อหาก่อความไม่สงบ ซึ่งต่อมาถูกนำตัวไปควบคุมในค่ายทหาร โดยอิหม่ามยะผา ถูกซ้อมทรมาน ด้วยวิธีการอันโหดร้ายจนกระทั่งเสียชีวิต เหตุเกิดระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2551 ขณะที่พวกอีก 5 คนถูกควบคุมตัวไว้อีก 20 กว่าวัน ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก่อนจะปล่อยตัว และไม่มีการดำเนินคดีในข้อหาใดๆ เลย
อย่างไรก็ตาม นายรัษฎา กล่าวถึงข้อจำกัดของประชาชนในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารมาฟ้องคดีต่อศาลนั้น กฎหมายมีข้อจำกัด ห้ามไม่ให้ประชาชน พลเรือนฟ้องเจ้าหน้าที่ทหารต่อศาล แต่ให้พนักงานอัยการ ศาลทหารเท่านั้นเป็นผู้ฟ้อง ซึ่งหากพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องสิทธิของประชาชนก็หมดไป หรือหากศาลชั้นต้นยกฟ้อง อัยการ หรือศาลทหารเห็นว่า ไม่ควรอุทธรณ์ คดีก็เป็นอันยุติไป นี่คือเรื่องสำคัญที่เราต้องมาพิจารณาดู
"กฎหมายใดยังจำกัดสิทธิประชาชน หรือเห็นว่า ล้าหลัง ควรมาดูแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกเสีย ซึ่งจริงๆแล้วกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นกฎหมายที่ดี สามารถดำเนินการกับผู้กระทำความผิดได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายบางฉบับ หรือกฎหมายพิเศษ ซึ่งมีช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจ ลุแก่อำนาจ"
ส่วนการใช้สถานที่อื่นในการควบคุมตัว ที่ไม่ใช่เรือนจำนั้น ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวด้วยว่า เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน ดังนั้นสถานที่ควบคุมตัวบุคคลก็ต้องมาดู ว่า ปลอดภัยกับผู้ต้องหาหรือไม่ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
"สุดท้ายเราอยากเห็นความร่วมกันของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะมีส่วนช่วยการค้นหาความจริง ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนเข้าใจว่า หลักฐานที่จะได้ความจริงมานั้นไม่จำเป็นต้องได้มาจากการซ้อม การทรมาน"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในเวทีนี้ ญาติของพลทหารวิเชียร เผือกสม พลทหารประจำกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เหยื่อการซ้อมทรมานของครูฝึก จนเสียชีวิตเมื่อปี 2554 ได้มาถ่ายทอดประสบการณ์การร้องเรียน และความยากลำบากในการต่อสู้เพื่อหาความเป็นธรรมระยะเวลากว่า 1 ปี รวมทั้งการถูกข่มขู่ บังคับ ซึ่งปัจจุบันญาติพลทหารวิเชียรได้นำคดีนี้ขึ้นสู่ศาลเป็นคดีแพ่ง ฟ้องเรียกค่าเสียหายกับกระทรวงกลาโหม กองทัพบก เป็นจำนวนเงิน 14 ล้านบาท
รวมถึง นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม แพะในคดีเชอรี่แอน เพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอด ซึ่งได้รับผลกระทบจากการซ้อมทรมาน ปัจจุบันเขาจะได้รับการเยียวยาจากการฟ้องร้องคดี ก็มาร่วมแลกเปลี่ยนถึงปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไขเพื่อการเข้าถึงความยุติธรรมและการเยียวยาเหยื่อซ้อมทรมาน
