คัดกรองมะเร็งปอด ... เฝ้าระวังความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่

มะเร็งปอด เป็นปัญหาสำคัญระดับโลก เนื่องจากเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในโลก และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่สำคัญ ในประเทศไทยมะเร็งปอดจัดเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยเช่นกัน และเป็นสาเหตุการตายในอันดับต้นๆ ทั้งในเพศชายและเพศหญิง
ปอดเป็นอวัยวะที่สำคัญสำหรับร่างกายมนุษย์ ปอดจะทำหน้าที่เสมือนเครื่องฟอกอากาศ ทำให้ร่างกายของเราสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างเป็นปกติ แต่ในปัจจุบันนี้การใช้ชีวิตประจำวันของเราต้องสัมผัสกับมลภาวะที่เป็นพิษอยู่เป็นประจำ รวมทั้งการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงให้กับตัวเอง เช่น การสูบบุหรี่ สิ่งเหล่านี้ได้ทำลาย ปอด ของเรา จนทำให้ปอดไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิม
ผู้ป่วยมะเร็งปอดส่วนใหญ่(85%) มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งมีสารก่อมะเร็งจำนวนมาก โดยความเสี่ยงของมะเร็งปอดจะสะสมเพิ่มมากขึ้นตามปริมาณบุหรี่ที่สูบสะสมมาตลอดชีวิต ยิ่งสูบบุหรี่จัดและสูบเป็นเวลานานหลายปี ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดมากยิ่งขึ้น โดยพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสเกิดมะเร็งปอดสูงกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 20 เท่า แต่ถ้าหยุดสูบบุหรี่ไม่ว่าจะหยุดที่ช่วงอายุเท่าใดจะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดได้ลงไปเรื่อยๆตามระยะเวลาที่หยุดสูบบุหรี่
นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งชนิดอื่น ๆ อีกนับสิบชนิด เช่นมะเร็งช่องปากและลำคอ กล่องเสียง และหลอดอาหาร และเพิ่มความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ถุงลมโป่งพอง และโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย ทำให้ผู้ที่สูบบุหรี่จะเสียชีวิตเร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบโดยเฉลี่ยประมาณ 10 ปี ซึ่งในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ถึงปีละ 40,000 – 50,000 ราย ส่วนสาเหตุอื่นๆที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้แก่ การสัมผัสสารเคมีบางชนิด เช่น แร่ใยหิน สารหนู ซิลิกา ซึ่งมักจะสัมผัสสารดังกล่าวได้จากในโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนการสัมผัสควันบุหรี่(ควันบุหรี่มือสอง)
ผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะแรกมักจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่มักจะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติซึ่งมักจะเป็นโรคระยะลุกลาม โดยอาการของมะเร็งปอดนั้นขึ้นอยู่กับว่าก้อนมะเร็งนั้นลุกลามไปที่ใด เช่นก้อนมะเร็งลุกลามไปในหลอดลมจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อหลอดลมทำให้มีอาการไอเรื้อรัง ไอออกเลือด หอบเหนื่อย แน่นหน้าอกได้ หรือลุกลามไปที่เยื่อหุ้มปอดทำให้มีอาการเหนื่อยแน่นหน้าอกจากน้ำในเยื่อหุ้มปอดได้
หรือถ้ามีการกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น สมอง อาจมีอาการปวดศีรษะ ซึมลง หรือแขนขาอ่อนแรงได้ ซึ่งมะเร็งปอดในระยะลุกลามมีพยากรณ์ของโรคแย่และอัตราการรอดชีวิตต่ำเมื่อเทียบกับการรักษาในระยะแรกซึ่งมีโอกาสหายขาดได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเนื่องจากไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพได้ และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาทางครอบครัว เนื่องจากผู้ป่วยมะเร็งปอดต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดทำให้ครอบครัวมีภาระหนักมากขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทั้งตัวผู้ป่วยเองและครอบครัว
แม้ว่าในปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ในการรักษาโรคมะเร็งจะมีการพัฒนาไปมาก ทั้งในด้านการผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี หรือการรักษาโดยให้ยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง การที่ผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่ละรายจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับการตรวจพบและการเริ่มรักษาว่าอยู่ในระยะใด
ดังนั้นการตรวจคัดกรองในรายที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดสูงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถค้นหาผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะเริ่มแรกได้และให้การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นกว่าการมาตรวจรักษาเมื่อมีอาการ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกัน ซึ่งย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ
“มะเร็งปอดสามารถป้องกันได้” ด้วยวิธีง่ายๆเพียงแค่เริ่มต้น “เลิกสูบบุหรี่” โดยไม่มีคำว่าสายเกินไป......เพียงแค่คุณหยุดสูบบุหรี่ก็สามารถได้รับประโยชน์ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัวและสังคมรอบข้าง โดยสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอด มะเร็งที่เกิดจากการสูบบุหรี่ชนิดอื่น ๆ โรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมองได้ และชักชวนเพื่อนที่สูบบุหรี่ให้เลิกบุหรี่ไปพร้อมกัน โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่มือสอง จัดบ้าน ที่ทำงานและสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ หมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งควรมองโลกในแง่ดี ทำจิตใจให้สดชื่นอยู่เสมอ และหากไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วยตนเองหรือมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติม
การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในโครงการบำเพ็ญพระกุศลปี 2555
การตรวจคัดกรองในมะเร็งปอด เป็นการตรวจเพื่อเฝ้าระวังในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปอดจากการสูบบุหรี่ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาไม่แนะนำให้มีการตรวจคัดกรองในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดสูง เนื่องจากไม่มีข้อมูลว่ามีประโยชน์เพียงพอที่จะลดอัตราการตายได้ แต่ในปัจจุบันเครือข่ายมะเร็งในอเมริกา ได้แนะนำให้ใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปริมาณรังสีต่ำในการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในผู้สูงอายุที่มีประวัติสูบบุหรี่จัด เนื่องจากพบว่าการตรวจคัดกรองด้วยวิธีดังกล่าวสามารถลดอัตราการตายจากมะเร็งปอดได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีคำแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอดในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี วันที่ 4 กรกฎาคม 2555จึงได้จัดโครงการการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอดขึ้นเพื่อเป็นการบำเพ็ญพระกุศลแด่พระองค์ท่าน และเพื่อสร้างช่องทางให้แก่ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงได้มีโอกาสตรวจคัดกรองและรักษาโรคมะเร็งปอดได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ตลอดจนรณรงค์ให้ทราบถึงพิษภัยของบุหรี่ แนะนำและรักษาโรคติดบุหรี่ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งปอดทั้งต่อตัวผู้สูบและสังคมได้ในที่สุด
ทำไมต้องตรวจโดยการใช้ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปริมาณรังสีต่ำ(Loe dose CT)และเอกซเรย์ปอดส่วนตัดด้วยระบบดิจิตัล (Digital tomosynthesis)
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์เป็นวิธีตรวจโดยการสร้างภาพแบบ 3 มิติ และใช้คอมพิวเตอร์ในการนำเสนอเป็นภาพอวัยวะในมุมมองต่างๆ ได้ตามต้องการ ในปัจจุบันมีการตรวจ “เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปริมาณรังสีต่ำ” ซึ่งลดปริมาณรังสีที่ใช้ลงเพื่อให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และยังสามารถเห็นความผิดปกติในปอดได้ไม่แตกต่างจากเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบเดิม แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าหากได้รับปริมาณรังสีดังกล่าวต่อเนื่องทุกปีจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดจะมีผลเสียสะสมหรือไม่
เอกซเรย์ปอดส่วนตัดด้วยระบบดิจิตัล เป็นการตรวจเอกซเรย์วิธีใหม่ที่สามารถแสดงชุดภาพของอวัยวะที่ตรวจได้หลายภาพ ซึ่งแตกต่างจากการถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์แบบดั้งเดิมซึ่งจะได้เพียงภาพเดียว ทำให้เห็นรายละเอียดของภาพอวัยวะมากขึ้นและสามารถตรวจพบก้อนและความผิดปกติอื่นๆ ในปอดได้ดีกว่าการตรวจแบบดั้งเดิม โดยมีความไวในการตรวจพบก้อนในปอดใกล้เคียงกับการตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (92%) แต่มีปริมาณรังสีต่ำกว่าการตรวจด้วยวิธีเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปริมาณรังสีต่ำเกือบ 10 เท่า นอกจากนี้ยังใช้เวลาตรวจสั้นกว่าและมีราคาถูกมากกว่า
ดังนั้นการตรวจคัดกรองในมะเร็งปอดในโครงการจึงได้ใช้วิธีการตรวจด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปริมาณรังสีต่ำในปีแรก และในรายที่ผลตรวจปกติจะได้รับการตรวจด้วยวิธีเอกซเรย์ปอดส่วนตัดด้วยระบบดิจิตัลในปีถัดมา เพื่อลดความเสี่ยงจากปริมาณรังสีสะสมในอนาคต
การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปริมาณรังสีต่ำและเอกซเรย์ปอดส่วนตัดด้วยระบบดิจิตัลปลอดภัยหรือไม่
โดยปกติแล้วคนเราได้รับปริมาณรังสีจากธรรมชาติอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นการปนเปื้อนในดินหรือในน้ำ การเอกซเรย์ปอดส่วนตัดด้วยระบบดิจิตัล ปริมาณรังสีที่ได้รับเทียบเท่ากับได้รับจากธรรมชาตินานประมาณ 2 สัปดาห์ ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นจากการตรวจเท่ากับ หนึ่ง ต่อ ล้าน
ส่วนการใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปริมาณรังสีต่ำ ปริมาณรังสีที่ได้รับเทียบเท่ากับการได้รับจากธรรมชาตินานประมาณ 6 เดือน ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นจากการตรวจเท่ากับหนึ่งต่อแสน ซึ่งถือว่าการตรวจด้วยวิธีดังกล่าวมีความปลอดภัยมาก
