เปิดภาคเรียนรับอาเซียน มจธ.นำร่อง ย้ำเปลี่ยนไม่ยาก หากไม่ยึดติดกรอบเดิม

ปี ' 57 เตรียมเปิดภาคเรียนให้ตรงกับสากล ทปอ.แจงไม่จำเป็นที่ สพฐ.ต้องเลื่อนตาม คาดอาจปรับปฏิทินแอดมิชชั่น ด้าน มจธ.เผยอุปสรรคสำคัญคือการยึดติดกรอบเดิม
ภายหลังการประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติให้มหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิกของ ทปอ.ทั้งหมด 27 แห่ง ปรับเวลาเปิดภาคเรียนให้ตรงกับสากลภายในปีการศึกษา 2557 คือ ในช่วงวันที่ 15 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน ซึ่งในปีการศึกษา 2555 มีมหาวิทยาลัยบางแห่งปรับเลื่อนเวลาเปิดภาคเรียนไปบ้างแล้ว เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)
สำหรับในปีการศึกษา 2556 นั้น ทปอ.ได้ขอความร่วมมือให้ทุกมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรนานาชาติหรือหลักสูตรที่มีความพร้อมเริ่มทำการปรับการเปิดภาคเรียนก่อน
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้หารือให้มหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิกทุกแห่งเลื่อนการรับนิสิตนักศึกษาในระบบรับตรงออกเป็นช่วงเดือนมกราคม และเน้นย้ำว่าส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ควรเลื่อนการเปิดปิดภาคเรียนตาม ทปอ.เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาในห้องเรียนได้อย่างเต็มที่
ล่าสุดภายหลังการประชุมสามัญ ทปอ.ครั้งที่ 3/2555 ที่มหาวิทยาลัยนครพนม คณะทำงานแอดมิชชั่น ได้จัดทำข้อเสนอให้ ทปอ.พิจารณาปรับปรุงปฏิทินการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือระบบแอดมิชชั่นกลาง ที่จะรับสมัครช่วงเดือนเมษายนของทุกปี สำหรับปีการศึกษา 2557 ให้สอดรับกับการเลื่อนเปิดภาคเรียน ซึ่งที่ประชุม ทปอ.ยังไม่มีการลงมติ และได้มอบหมายให้คณะทำงานแอดมิชชันไปวิเคราะห์ถึงข้อดี ข้อเสียและหารือกับผู้แทนมหาวิทยาลัย เพื่อนำมาเสนอ ทปอ.ในการประชุมครั้งถัดไป
ผศ.ดร.บัณฑิต ทิพากร รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวกับศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ สำนักข่าวอิศรา ถึงการทีทาง มจธ.ได้เริ่มดำเนินการปรับเวลาเปิดภาคเรียนก่อนมหาวิทยาลัยอื่นว่า ขณะนี้ มจธ.ได้ปรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ในปีการศึกษา 2555 เป็นวันที่ 14 สิงหาคม ทุกคณะในมหาวิทยาลัย และปิดภาคเรียนในช่วงอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม ส่วนภาคเรียนที่ 2 จะเปิดในวันที่ 7 มกราคม และจะมีวันหยุดช่วงสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 6-17 เมษายน โดยจะปิดเทอมใหญ่ของเทอมในช่วงอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม
"ทาง มจธ.ได้ปฐมนิเทศนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นช่วงที่ให้นักศึกษาหยุดพัก แต่สำหรับบางโปรแกรมที่เป็นภาษาอังกฤษ ได้จัดโปรแกรมและกิจกรรมเตรียมพร้อมเข้าสู่มหาวิทยาลัยทั้งเชิงวิชาการและสังคมให้กับนักศึกษาใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม ส่วนนักศึกษาที่ขึ้นชั้นปีที่ 4 ก็สามารถมาเสนอหัวข้อทำโครงการจบได้ก่อน แม้มหาวิทยาลัยจะยังไม่เปิดเทอม แต่ก็ได้เพิ่มกิจกรรมการเรียนรู้มากขึ้นกับทุกชั้นปี โดยเฉพาะด้านภาษาและวัฒนธรรมการมองเห็นประเทศอื่นๆ เพิ่มกิจกรรมนอกห้องเรียน เรียกได้ว่าใช้โอกาสนี้ปรับปรุงคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการปรับการเรียนการสอน ไม่ใช่การปรับหลักสูตร"
ในส่วนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผศ.ดร.บัณฑิต กล่าวว่า ทาง มจธ.เห็นว่าเนื่องจากทั้ง 2 ระดับการศึกษามีระบบที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก หากมีการปรับวิธีการและรูปแบบอย่างกะทันหันเด็กจะประสบปัญหา จึงต้องอาศัยช่วง 2 เดือนที่หลายคนมองว่าเป็น "ช่องว่าง" มาเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาทั้งเชิงวิชาการและการรับรู้สังคม แต่คงไม่กระทบหรือมีความจำเป็นที่การศึกษาขั้นพื้นฐานต้องปรับการเปิดภาคเรียน
"สิ่งที่พบว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการเลื่อนเวลาเปิดภาคเรียน คือ เรื่องกลไกหรือระบบที่กำหนดกรอบเวลามาเป็นเวลานาน หากไม่ยึดติดกับกรอบเดิมมากนัก ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ ทั้งช่วงพัก เพิ่มตารางกิจกรรม ช่วงฝึกสอน ช่วงฝึกงาน ตารางเวลาจะต้องเปลี่ยนไปจากเดิม เราต้องคำนึงถึงคุณภาพการศึกษาเป็นหลักซึ่งเป็นสาเหตุให้ มจธ.ต้องเริ่มเลื่อนเปิดภาคการศึกษาเร็วกว่าที่ ทปอ.กำหนด เพื่อเก็บข้อมูลปัญหาและเตรียมความพร้อม รวมทั้งเจรจาแก้ปัญหากับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทที่จะรับนักศึกษาเข้าฝึกงาน"
ผศ.ดร.บัณฑิต กล่าวด้วยว่า ในอนาคตพลเมืองที่เกิดจะลดน้อยลง รูปแบบการรับนักศึกษาที่มาจาก ม.6 ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ จะเกิดการศึกษาในวัยทำงานมากขึ้น ฉะนั้น ปัญหาที่พบในขณะนี้อาจไม่เกิดขึ้นในอนาคตก็ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในปี 2557 เมื่อทุกมหาวิทยาลัยปรับเวลาพร้อมกัน ปัญหาข้อจำกัดเรื่อเวลาอาจน้อยลง แต่การแข่งขันอาจเพิ่มมากขึ้น
"ทุกมหาวิทยาลัยควรจะปรับแนวความคิดเรื่องกรอบเวลาแบบเก่า เพราะการศึกษาเป็นอนาคตของเด็ก หากปรับแล้วทำให้เด็กมีโอกาสมากขึ้นก็ต้องทำ อย่ายึดติดกับกรอบที่เคยทำมา ทั้งนี้ หากปรับแล้วไม่ดีก็ปรับใหม่ได้ หากไม่ยึดติดกับกรอบความคิดและกรอบเวลาก็ไม่ยากในการเปลี่ยนแปลง"
