กฤษฎีกา เบรก คุรุสภาเปิดสอบ 'ตั๋วครู' ชี้เกาไม่ถูกที่คัน
จากกรณีที่มีการซื้อขายใบประกาศนียบัตร (ป.บัณฑิต) วิชาชีพครู จนเป็นที่กังขาว่าผู้ที่ผ่านหลักสูตรผลิตครูนั้น จบมาแล้วจะมีความรู้จริงหรือไม่
'คุรุสภา' ในฐานะผู้กำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ได้ออกมาแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ และปิดช่องทางในการกระทำความผิด โดยการเสนอขอให้มีการจัดทดสอบความรู้ก่อนการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครู แทนวิธีการเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่เรียนครบหลักสูตรผลิตครูและผ่านการฝึกสอนในโรงเรียนตามที่คุรุสภากำหนด สามารถยื่นขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ทันที โดยไม่ต้องมีการทดสอบใดๆ อีก
ซึ่งเรื่องนี้ถูกนำไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภา และที่ประชุมได้มีความเห็นแตกต่างกัน ทำให้เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2555 จึงมีมติให้สำนักเลขาธิการคุรุสภานำเรื่องนี้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา
ประเด็นสำคัญคือ การกำหนดให้มีการสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาขัดกับพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 หรือไม่
นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ลงนามในบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง “อำนาจของคุรุสภาในการกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องผ่านการทดสอบความรู้ก่อนการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม” เมื่อเดือนมิถุนายน 2555 โดยระบุว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) พิจารณาแล้วเห็นว่า คุรุสภามีอำนาจออกข้อบังคับของคุรุสภากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การกำหนดอายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การขอรับใบแทนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต
ดังนั้น การออกข้อบังคับเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ หากเป็นกรณีที่ไม่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา และเป็นกรณีที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์เพื่อให้คุรุสภาเป็นสภาวิชาชีพครู เพื่อทำหน้าที่ในการพัฒนาวิชาชีพครู ส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คุรุสภาย่อมมีอำนาจกระทำได้
ดังนั้น คุรุสภาจึงสามารถกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องผ่านการทดสอบความรู้ก่อนการรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุมได้
แต่ทั้งนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) มีข้อสังเกตว่า การที่คุรุสภาจะใช้อำนาจออกข้อบังคับเพื่อกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องผ่านการทดสอบความรู้ก่อนการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม อาจเป็นมาตรการหนึ่งที่เป็นการยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้สูงขึ้นตามความเห็นของคุรุสภา แต่จากคำชี้แจงของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาทำให้เห็นได้ว่า คุรุสภายังไม่ได้ใช้อำนาจในฐานะองค์กรวิชาชีพในการกำกับให้สถาบันการศึกษาผลิตบัณฑิตให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประกอบวิชาชีพอย่างจริงจัง และการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องผ่านการทดสอบก่อนการขอรับใบอนุญาตนี้อาจเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงประเด็น
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการเพื่อกำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องผ่านการทดสอบก่อนการขอรับใบอนุญาต คุรุสภาควรต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังมิให้กระทบต่อสิทธิของนักศึกษาที่กำลังศึกษาและมีความประสงค์จะขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม เนื่องจากขณะเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษา คุรุสภายังไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้และยังไม่ได้ประกาศให้ผู้เรียนและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทราบถึงหลักเกณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ โดยที่ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรทางการศึกษาหลายสถาบัน จึงควรที่คุรุสภาจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ หารือถึงแนวทางในการยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้สูงขึ้น และเปิดโอกาสให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษาเช่นเดียวกับการดำเนินการขององค์กรวิชาชีพอื่น ๆ ด้วย
