ศึกษาธรรม ศึกษาโลก ประโยคเดียวกัน

ศึกษาธรรม ศึกษาโลก ประโยคเดียวกัน ท่านที่เคารพรักทุกคน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงมันอยู่ที่คนทั้งนั้น ดังนั้นการศึกษาโลกมีผลเป็นอย่างไร การศึกษาธรรมมันก็มีผลเหมือนกัน
แต่ก่อนเราไม่มีวัด คงมีแต่พื้นดินธรรมดาๆ ซึ่งแต่ละคนควรทราบความจริงว่าพื้นดินผื่นเดียวกัน ไม่ว่าใครอยู่ที่ไหน ทุกคนใช้ประโยชน์จากการสัมผัสกับพื้นดินร่วมกัน ย่อมหยั่งรู้ความจริงได้ว่า เมื่อเกิดปัญหาระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ หากมีความรักอยู่ในจิตใต้สำนึก ในที่สุดวันหนึ่งข้างหน้าก็ย่อมแก้ปัญหาได้จึงนำไปสู่ความสุข สมปรารถนา
เมื่อมีความสุขอยู่ในรากฐานจิตใจ ก็ย่อมมีความรักความเมตตาต่อกัน ทำให้เกิดความสามัคคีกลมเกลียวกันได้ไม่ยาก
คนเราเกิดมาแล้วก็ตายไป ซึ่งเป็นวิถีการเปลี่ยนแปลงของชีวิตแต่ละคน ซึ่งหมุนวนเป็นวัฏจักร ภายในจิตใต้สำนึกซึ่งทุกคนมีมาตั้งแต่เกิดเพราะข้อมูลที่อยู่ในจิตวิญญาณมนุษย์ได้รับการสืบทอดมาจากอดีตชาติ เรื่องนี้ถ้าแต่ละคนสามารถค้นพบได้จาการปฏิบัติที่ซื่อสัตว์ต่อตนเอง ผมเชื่อว่าชีวิตทุกคนคงมีแต่การเจริญสติ ทำให้เกิดปัญญาซึ่งสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย
อนึ่ง เมื่อพูดถึงความสำคัญของพื้นดิน หากหวนกลับมาพิจารณาถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจตนเอง หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าวว่า เป็นความสำคัญของประวัติศาสตร์ แม้แต่ประวัติศาสตร์ของตัวเราเองย่อมถือว่าเป็นการเสริมสร้างรากฐานให้เข้มแข็งอยู่เสมอ ย่อมบังเกิดความรู้สึกรักแผ่นดินถิ่นเกิดจนกระทั่งชีวิตถึงจุดจบไปในที่สุด
เกิดมาเราก็เกิดจากพื้นดิน ตายไป ตายไปเราก็จมดินจมทรายไปในที่สุด อีกทั้งจิตวิญญาณก็ยังหนีไปหาที่อยู่ใหม่ ดังนั้นคนที่เจริญสติอยู่เสมอ คงไม่ปล่อยให้วิญญาณตนเอง ไปอยู่ในที่ ซึ่งทำให้เกิดความทุกข์ ดังนั้น ทุกวนนี้แทนที่จะกลัวตาย เราก็ควรกลัวการเกิดมากว่า เพื่อสร้างสมคุณงามความดีเอาไว้ให้ปรากฏแก่ใจตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นครูสอนที่วิเศษที่สุด
ผมเป็นครูสอนวิชาสถิติศาสตร์มาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปี ซึ่งการเรียนวิชานี้ ผมก็เป็นครูของตัวเอง เพราะจิตใจมันเข้มแข็งจึงไม่ยอมให้คนอื่นมาเป็นครูสอน
ความจริงแล้วพื้นดินก็คือแม่บังเกิดเกล้าของเราทุกคน อีกทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตมนุษย์โดยมีแร่ธาตุรวมทั้งอินทรีย์สารจำพวก ซากสัตว์ ซากพืช เป็นองค์ประกอบ ดังนั้นแร่ธาตุทั้งหลาย อดีตของชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างมันก็มีพระคุณแก่ตน
ดังนั้น จากธรรมชาติในจิตวิญญาณมนุษย์จึงควรพูดว่า “ธรรมประจำใจ” เธอทุกคนคงไม่เคยได้ยินใครพูดว่า “ธรรมประจำวัตร” ถ้าใครพูดแบบนี้ก็หมายความว่าเป็นคนลืมตัว เพราะฉะนั้นคนที่พึ่งพาตนเองย่อมใช้จิตวิญญาณซึ่งถือว่าเป็นรากฐานสำคัญ เป็นครูสอนหรืออาจกล่าวว่า “วิญญาณความเป็นครูของแต่ละคนควรมีมาตั้งแต่เกิด นี่คือครูที่แท้จริง ส่วนคนที่มองหาคนอื่นแล้วคิดว่าเป็นครู บุคคลผู้นั้นก็ย่อมมีนิสัยลืมตัว หรืออาจกล่าวว่า “มองข้ามสิ่งสำคัญภายในตนเอง ไปอย่างสิ้นเชิง”
เมื่อมีข้างใน ก็ย่อมมีข้างนอก เพราะฉะนั้นก่อนที่จะค้นหาครูจากภายนอกก็ควรใช้ครูที่อยู่ในตนเองเป็นพื้นฐานเสียก่อน คนที่กล่าวเข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้จัดการศึกษา จึงไม่ควรดูถูกตนเอง เพราะการดูถูกตนเองย่อมดูถูกคนอื่น แม้กระทั่งการดูถูกลูกศิษย์
สิ่งที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนั้น คือวัดที่แท้จริงซึ่งใช้สำหรับการเรียนรู้ธรรมมะ หาใช่เดินหลงทางไปมองหาวัดที่เป็นวัตถุไม่
“เมื่อมีสภาพเช่นนั้น ก็ย่อมตกอยู่ในสภาพเช่นนี้” ดังนั้นการศึกษาทางโลกมันถึงได้เป็นเช่นทุกวันนี้ เพราะการศึกษาธรรมเราก็ดูถูกวัดที่อยู่ในใจตนเอง นี่แหละ วิชาสถิติศาสตร์นั้นมีพื้นฐานสำคัญซึ่งสิ่งนั้น จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากหุ่นจำลองของการเรียนรู้ธรรมมะ ไม่เช่นนั้นแล้วจะนำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆได้อย่างใกล้เคียงกับความเป็นจริงได้ยังไง ดังเช่น คำว่า ประชากร Universe = 0 นี่แหละหมายความถึง University มันไม่มีความเป็นตัวตนที่ให้ทุกคนกระหายที่เข้าไปอยู่ แล้วถูกมันครอบจนหลงผิดคิดว่าวิชาความรู้จากมหาวิทยาลัย มันเป็นของจริง ไม่เช่นนั้นแล้วการที่ผมได้ทุนจากมูลนิธล๊อกกี้เฟรนเลอร์ คงไม่ปฏิเสธที่จะไปเพราะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเส้นทางสายนี้มันจะนำไปสู่ของหลอกทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามถ้าไม่เรียนรู้จากของหลอก เราก็ไม่พบของจริง นี่คือหลักธรรมอีกบทหนึ่ง ได้แก่ วิถีการเปลี่ยนแปลงที่หมุนวนเป็นวัฏจักร อนึ่ง ภายในปรัชญาของวิชาสถิติ มันก็มีอยู่จุดหนึ่งที่เรียกกันว่า significant figure ซึ่งข้อมูลที่จุดนี้มันมีอยู่ 1 เดียว และอยู่ตรงกลางของวิถีการเปลี่ยนแปลง นี่แหละที่เรียกว่า องศาความอิสระที่มันขาดหายไป 1 เดียวเท่านั้น (degree of freedom)
ดังนั้นตัวแปรที่มันอยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงจึงมีอยู่ตัวหนึ่งซึ่งอยู่อย่างตายตัว หรือที่ใช้สูตรว่า n-1
มันเหมือนกับเส้นทางของการเปลี่ยนแปลงที่หมุนวนเป็นวัฏจักร แม้แต่การยกพวกฆ่ากันตายของมนุษย์ ในที่สุดก็ต้องเหลืออยู่คนเดียว แล้วก็เกิดมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
นี่แหละที่ได้แก่หลักธรรมซึ่งสอนไว้ว่า เมื่อมีสูงก็ต้องมีต่ำ เมื่อมีดำก็ย่อมมีขาว เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงควรอยู่อย่างมีหวัง ไม่ใช่นั่งงอมืองอเท้า เพราะความสิ้นหวัง นั่นคือคนที่มีปัญญามืดบอด
ผมขอฝากไว้เป็นกำลังใจให้แก่ทุกคนสำหรับการสร้างคุณงามความดี ใครได้รับข้อเขียนบทนี้ ขอให้ส่งต่อๆ กันด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
