รวมความเห็น “หมอเดา” ทายใจ ศาลรธน. “ศุกร์ 13” ส่วนใหญ่ ฟันธง! ยกคำร้อง แต่.....?
หลากความเห็นจาก "ผู้รู้" ที่ทำนายว่า ศาล รธน.จะยกคำร้อง คดีแก้ไข รธน.ว่าไม่ขัดกับมาตรา 68 แต่อาจจะมีการยื่นเงื่อนไขอะไรบางอย่างตามมา?!?
วัน “ศุกร์ 13” นี้ จะเป็นวันชี้ขาดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นำโดย พรรคเพื่อไทย จะ “ไปต่อ” ได้หรือไม่
เมื่อ “8 อรหันต์” ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดอ่านคำวินิจฉัย ในเวลา 14 ก.ค. ของวันดังกล่าว ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 เพื่อให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เป็นการล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 68 หรือไม่
โดยจะไล่เรียงไปตามประเด็นที่ศาลตั้งไว้ในการพิจารณา ทั้ง 4 ประเด็น ดังนี้
1.ศาลมีอำนาจในการรับฟ้องคดีดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคสอง หรือไม่?
2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 โดยเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับสามารถทำได้หรือไม่?
3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 291 มีปัญหาว่าเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่?
และ 4. หากมีการกระทำดังกล่าว จะเป็นเหตุให้ต้องมีการยุบพรรคหรือไม่?
“สำนักข่าวอิศรา” จึงรวบรวมความเห็นของบุคคลทั้งในแวดวงกฎหมายและการเมือง ที่ถือโอกาสนี้ สวมบท “หมอลักษณ์” ฟันธง! คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญล่วงหน้า
เพื่อจะดูว่า ใครฟันธงแล้วแม่น หรือ ใครฟันแล้วธงหัก!
-นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ เขียนอีเมล์ส่งไปยังสื่อแขนงต่างๆ ทายทิศทางการวินิจฉัยของศาลไว้ถึง 2 ตอน ได้แก่ “ศุกร์ 13 เพื่อไทย สยอง ? (ภาคแรก)” และ “ศุกร์ 13 ประชา สยอง ? (ภาคจบ)”
1.ศาลยกคำร้อง ด้วยเหตุว่าการยื่นคำร้องผิดขั้นตอน เพราะไม่ผ่านอัยการสูงสุด
2.ศาลยกคำร้อง ด้วยเหตุว่า ฝ่ายผู้ร้องสู้คดีโดยไม่มีน้ำหนัก, ศาลเคยวางหลักว่าจะไม่รับฟังการคาดคะเนหรือข้อสังสัย, ฝ่ายผู้ถูกร้องได้ยอมถอยให้ศาลไปไกลยิ่งกว่าที่จะต้องถอย
“จึงเชื่อได้ว่า ศาลน่าจะยกคำร้อง เพราะไม่มีการกระทำที่เป็นการล้มล้างการปกครองฯ แต่ศาลก็จะนำอาการ “ยอมถอย”ของผู้ถูกร้อง มาเขียนมัดไว้ในคำวินิจฉัย เพื่อบอกว่า แม้จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบพิเศษบางประการ” นายวีรพัฒน์สรุป
-นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 1 ในผู้ยื่นคำร้อง เชื่อว่า คำวินิจฉัยจะออกมาใน 2 ทาง
1.ตัดสินว่าล้มล้างการปกครองให้ยุบพรรคเพื่อไทยและตัดสิทธิคนที่เห็นชอบในวาระที่ 1 และวาระที่ 2
2.วินิจฉัยว่ากระบวนการแก้ไขไม่ชอบให้ไปทำใหม่ เพราะไม่สามารถยกร่างใหม่ทั้งฉบับได้ แต่ต้องแก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งจะมีผลทั้งทางการเมืองและกฎหมายตามมา
“แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีการยกคำร้องในกรณีนี้” ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์รายนี้ กล่าว
-นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย วิเคราะห์แนวทางตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่า จะออกมาใน 3 แนวทาง คือ
1.ยกคำร้องเพราะไม่เข้าข่ายการทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68
2.ไม่สามารถแก้ได้ทั้งฉบับตามมาตรา 291 โดยให้ไปยกร่างใหม่เป็นรายมาตรา
3.เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 68 และยุบพรรค
“ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยเห็นว่าไม่น่าจะออกมาในแนวทางที่ 3 เพราะเป็นการฝืนกระแสสังคมรุนแรงเกินไป น่าจะเป็นแนวทางที่ 1 หรือ 2 แนวทางที่รุนแรงสุดคือแนวทางที่ 2 หากผลออกมาในแนวทางนี้จริง ส่วนตัวเชื่อว่าจะเป็นผลดี ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญรวดเร็วมากขึ้น เพราะไม่ต้องตั้ง ส.ส.ร.มายกร่าง โดยให้ ส.ส.และ ส.ว.ไปยื่นร่างแก้ไขเป็นรายมาตรามาใหม่ ทำให้ใช้เวลาเร็วขึ้นกว่าเดิม 8 เดือนกว่า ใครที่คิดจะถ่วง ก็ถ่วงไม่ได้” คือความเห็นของประธานวิปรัฐบาล
-นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (ศอ.นธ.) ปรมาจารย์ด้านกฎหมายเมืองไทยคนหนึ่ง มองว่า อาจมีคำวินิจฉัยออกมาได้ใน 3 แนวทาง คือ
1.ศาลยกคำร้อง เพราะเห็นว่าการยื่นคำร้อง ไม่เข้าข่ายมาตรา 68 ที่ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุด
2.ศาลยกคำร้อง ให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปไปได้ แต่ให้แก้ไขได้เป็นรายมาตรฐาน ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าแนวทางนี้
แนวทางนี้เป็นทางสายกลางและดีที่สุด บ้านเมืองจะได้สงบลง สภาก็จะสามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 ต่อไป
และ 3.แนวทางสุดโต่ง ศาลวินิจฉัยออกมาว่าทั้งหมดเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ จะล้มล้างการปกครอง ซึ่งถ้าออกมาในแนวทางนี้ก็ต้องตัวใครตัวมัน
-นายจรัส สุวรรณมาลา อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1 ในผู้ก่อตั้งเว็บไซต์เว็บไซต์เครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย หรือ Thailand Political Database (TPD) เชื่อว่า คำวินิจฉัยจะต้องออกมาแบบกลางๆ
“ศาลน่าจะตีความว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ถูกตามมาตรา 291 แต่จะบอกว่าการร่างรัฐธรรมนูญมันล้มล้างการปกครองก็พูดไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เริ่มกระบวนการร่าง ผมว่ามันเหมือนกับว่าศาลก็จะเอาตรงนี้เป็นคุณกับผู้ถูกร้อง ด้วยการบอกว่าให้ยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ถือว่ามีเจตนาที่ล้มล้าง หลังจากนั้น รัฐบาลก็คงจะเสนอต่อ (แก้ทีละมาตรา) ไปเลย ฝ่ายต่อต้านก็คงไม่เยอะ เพราะฝ่ายประชาธิปัตย์เองยอมรับ เสื้อเหลืองไม่ค่อยยุ่งกับเรื่องรัฐธรรมนูญ หลากสีก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ดังนั้นจะมีคนเงียบขึ้นมาเยอะ” อ.รายนี้ฟันธง
-นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก "Chaturon Chaisang" ว่า มีความเป็นไปได้ที่ ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน 3-4 แบบ
1.เลวร้ายสุดสุดคือบอกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นการล้มล้างการปกครอง ให้เลิกการกระทำและให้ยุบพรรคเพื่อไทย โอกาสที่จะเกิดแบบแรกนี้น่าจะน้อยมาก ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือเกินไป
2.ไม่ได้บอกว่าเป็นการแก้ทั้งฉบับ ไม่มีปัญหาที่จะแก้โดย ส.ส.ร. แต่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง เพราะไม่มีหลักประกันเนื่องจาก เมื่อ ส.ส.ร.ร่างเสร็จ แล้วไม่ได้นำกลับมาให้รัฐสภาพิจารณาอีกครั้ง แบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงกว่าแบบอื่น
3.ยกคำร้อง ให้แก้รัฐธรรมนูญกันต่อไป รัฐสภาก็ลง มติวาระที่ 3 กันต่อไป แต่แบบนี้น่าจะเป็นไปได้น้อยที่สุด
-แต่ที่ทำนายอย่างสุดโต่ง น่าจะมาจากข้อความส่วนหนึ่งใน แถลงการณ์ยาว 13 หน้า ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี “เมื่อเริ่มความขัดแย้งในสังคมไทยเรื่องรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 มีเพื่อนคนหนึ่งกระซิบผมว่า คำตอบสุดท้ายในปัญหานี้คือตัวเลขมหัศจรรย์ 3 ตัว อันได้แก่ 68, 77, 7”
แปลจากภาษา “บิ๊กจิ๋ว” เป็นภาษาไทยก็คือ คือ เพื่อนที่มากระซิบอดีตนายกฯ รายนี้ เชื่อว่า ศาลจะตัดสินให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ผิดมาตรา 68 แล้วทหารจะออกมายึดอำนาจ ตามมาตรา 77 จากนั้น ก็จะมีนายกรัฐมนตรีพระราชทานตามมาตรา 7 !!!
-หมายเหตุ:รูปประกอบจากเว็บไซต์ นสพ.โพสต์ทูเดย์ (www.posttoday.com)-
