เหยื่อเหตุร้ายรายวันชุมนุมจี้รัฐเยียวยา 7.5 ล้าน รือเสาะเดือด! โจมตีฐานทหารดับ 3
เยียวยาเหยื่อไฟใต้ยังวุ่น ครอบครัวผู้ประสบเหตุร้ายรายวันกว่า 200 คนชุมนุมหน้า ศอ.บต.จี้ขอเยียวยาเป็นธรรม ระบุกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองสมัครใจไปร่วมม็อบเองยังได้ 7.5 ล้าน ทำไมคนที่โดนยิงโดนระเบิดตายกลับไม่ได้ "ทวี" รุดพบชาวบ้าน รับปากจัดเข้ากลุ่ม "เฉพาะกรณี" เร่งถกคณะกรรมการเยียวยาฯคลอดเกณฑ์ช่วยเหลือ ด้านบรรยากาศเปิดธนาคารวันแรกที่บันนังสตายังคึก ผู้จัดการแบงก์ขอฝ่ายความมั่นคง รปภ.24 ชั่วโมง ใต้ป่วนยิงทหารพรานดับอีกที่สายบุรี
ยังคงมีครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาเรียกร้องการช่วยเหลือเยียวยาเป็นกรณีพิเศษจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ภายหลังรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ ที่มี พล.อ.ต.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน และได้อนุมัติกรอบการช่วยเหลือไปแล้ว 2 ครั้ง กระจายไปในหลายกลุ่ม อย่างไรก็ดี ก็ยังมีผู้ได้รับผลกระทบอีกมากมายที่ยังรอการพิจารณา และบางส่วนรู้สึกว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น.วันอังคารที่ 17 ก.ค.2555 กลุ่มทายาทและครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจำนวนกว่า 200 คนได้เดินทางไปรวมตัวกันที่บริเวณสนามโรงพิธีช้างเผือก ในเขตเทศบาลนครยะลา จากนั้นเวลา 09.30 น.ได้เคลื่อนขบวนด้วยการเดินเท้าไปยังหน้าอาคารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ถนนสุขยางค์ อ.เมือง จ.ยะลา โดยมีข้อเรียกร้องคือขอความเสมอภาค ความยุติธรรม และความช่วยเหลือในวงเงิน 7.5 ล้านบาทเหมือนกรณีอื่นๆ
ทั้งนี้ กลุ่มทายาทและครอบครัวผู้สูญเสียที่เดินทางมารวมตัวเรียกร้อง มีทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม ส่วนใหญ่เป็นเหยื่อเหตุการณ์ร้ายรายวันที่มีความรุนแรงและสร้างความสูญเสียอย่างมาก มีทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ครู และประชาชนทั่วไป เช่น เหตุการณ์สังหารหมู่ 8 ศพในรถตู้สายเบตง-หาดใหญ่ ในท้องที่ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2550 มารดาของเด็กวัด วัดพรหมประสิทธิ์ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งถูกคนร้ายบุกสังหารคาวัดเมื่อ 16 ต.ค.2548 แม่บุญธรรมของพระวัดสวนแก้ว อ.ยะหา จ.ยะลา ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดจนมรณภาพขณะทหารพาออกบิณฑบาต เมื่อ 16 พ.ค.2554 เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่กลุ่มผู้เรียกร้องชุมนุมกันอยู่ที่หน้า ศอ.บต. มีตัวแทนกลุ่มผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ตากใบ (สลายการชุมนุมและเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตรวม 85 ราย เมื่อ 25 ต.ค.2547) ซึ่งคณะกรรมการเยียวยาฯ ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือแล้ว 7.5 ล้านบาท เดินทางเข้าให้กำลังใจ ศอ.บต.พอดี ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนในทำนองว่า "ข้างในกำลังจะจ่ายเงินเยียวยากันแล้ว ขณะที่พวกเรายังมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกันอยู่"
กังขาชุมนุมการเมืองสมัครใจเข้าร่วมเองยังได้ 7.5 ล้าน
นางยินดี แซ่เง่า ผู้ได้รับผลกระทบกรณีสามีถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสายบันนังสตา-ยะหา ท้องที่ ต.ปะแต อ.ยะหา เมื่อปลายปี 2548 กล่าวว่า เป้าหมายของการรวมตัวกันไม่ใช่การชุมนุม เพียงแต่จะขอความเป็นธรรมเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ หลังจากรัฐบาลมีมติอนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง รายละ 7.5 ล้านบาทไปแล้ว ขณะที่กรณีตากใบก็อนุมัติกรอบเยียวยา 7.5 ล้านบาท กรณีมัสยิดกรือเซะรายละ 4 ล้านบาท ซึ่งนางเองและเพื่อนผู้ได้รับผลกระทบรายอื่นๆ เห็นว่าการพิจารณาอนุมัติเงินหลายๆ กรณีดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรมสำหรับผู้ได้รับผลกระทบทั่วไปจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งตามกรอบเบื้องต้นคาดว่าจะได้รับรายละ 5 แสนบาทเท่านั้น
"ทำไมวงเงินที่ได้รับอนุมัติจึงไม่เท่าเทียมกัน ทั้งๆ ที่กรณีชุมนุมทางการเมือง กรณีกรือเซะ และกรณีตากใบเป็นกรณีที่ผู้ชุมนุมหรือร่วมในเหตุการณ์มีความสมัครใจเข้าร่วม เมื่อได้รับผลกระทบกลับได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนมาก ผิดกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเหตุร้ายรายวัน จึงมาขอความเป็นธรรมต่อ พ.ต.อ.ทวี (พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.) ให้ได้พิจารณาและให้เพิ่มวงเงินช่วยเหลือเยียวยาอย่างเท่าเทียมหรือใกล้เคียงผู้กับที่ได้รับผลกระทบจากกรณีชุมนุมทางการเมือง กรณีกรือเซะและตากใบด้วย" นางยินดี กล่าว

"ทวี"รับปากนำเรื่องเข้าพิจารณาใน "กก.เฉพาะกรณี"
เวลา 10.30 น. นายประมุข ลมุล รองเลขาธิการ ศอ.บต. ได้ลงมาพบและเจราจากับผู้ชุมนุม แต่ไม่สำเร็จ โดยกลุ่มชาวบ้านเรียกร้องจะพบกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.เท่านั้น กระทั่งเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ทวี ได้ออกมาพบและรับข้อเรียกร้องทั้งหมด
พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับกลุ่มชาวบ้านว่า ศอ.บต.และหน่วยงานรัฐจะไม่ทอดทิ้งประชาชน จะนำประเด็นที่เรียกร้องเข้าหารือในคณะกรรมการเฉพาะกรณี โดยแยกออกจากกลุ่มประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับผลกระทบ และจะนำข้อมูลที่ได้รับส่งให้คณะกรรมการเยียวยาฯชุดใหญ่เพื่อพิจารณาต่อไป
"เราถือว่าครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นผู้เสียหายด้วย เราอยากให้มีความเท่าเทียมกัน ยอมรับว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก การพิจารณาให้ความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงจึงยากและต้องใช้เวลา ขณะนี้หากเป็นข้าราชการก็จะส่งให้หน่วยงานต้นสังกัดดูแลช่วยเหลือ ส่วนประชาชนจะส่งให้อนุกรรมการ 8 ชุดที่ตั้งขึ้น ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบร่วมเป็นอนุกรรมการอยู่ด้วยทุกชุด เพราะผู้ได้รับผลกระทบจะเข้าใจความรู้สึกของผู้ได้รับผลกระทบด้วยกัน" พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ด้านกลุ่มทายาทและครอบครัวผู้สูญเสียที่เดินทางมาเรียกร้องกว่า 200 คน เมื่อได้ฟังคำชี้แจงจาก พ.ต.อ.ทวี ก็รู้สึกพอใจ พากับปรบมือและยอมสลายการชุมนุม แต่ก็บอกว่าวันที่ 10 ส.ค.นี้ จะกลับมาฟังผลความคืบหน้าอีกครั้งที่ ศอ.บต.
ย้อนมติเยียวยา 2 ครั้ง-หลายกลุ่มยังไม่พอใจ
คณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติกรอบเยียวยาออกมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2555 ให้ความช่วยเหลือ 4 กลุ่ม 5 กรณี ได้แก่
1.กลุ่มประชาชนทั่วไปที่เป็นเหยื่อสถานการณ์รายวัน จากเดิมทุพพลภาพหรือตายได้เงินเยียวยา 8 หมื่นถึง 1 แสนบาท ปรับเพิ่มเป็น 5 แสนบาท โดยจะจ่ายย้อนหลังให้ถึงปี 2547 (ปีแรกของสถานการณ์ไฟใต้) ใช้เวลา 4 ปีงบประมาณ คือตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555 (ปัจจุบัน) ถึงปี 2558
2.กลุ่มครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์วันที่ 28 เม.ย.2547 หรือที่รู้จักกันในนาม "เหตุการณ์กรือเซะ" มี เหตุรุนแรงเกิดขึ้น 11 จุด อนุมัติแล้ว 2 จุด คือผู้เสียชีวิตในมัสยิดกรือเซะจากการยิงอาวุธหนักของเจ้าหน้าที่รัฐ มี 32 ราย ได้รายละ 4 ล้านบาท ส่วนอีกจุดหนึ่งคือที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เยาวชนทีมฟุตบอลบ้านสุโสะ 19 ราย ได้รายละ 7.5 ล้านบาท
3.กลุ่มครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบ หมายถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมไปสอบสวนต่อที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี (ด้วยวิธีถอดเสื้อมัดมือไพล่หลังเรียงซ้อนกันไปบนยีเอ็มซี) เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตรวม 85 ราย จะได้รับเงินเยียวยารายละ 7.5 ล้านบาท
4.กรณีทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่ถูกอุ้มหายไปตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.2547 ทายาทของทนายสมชายจะได้รับเงินเยียวยา 7.5 ล้านบาท โดยไม่ตัดสิทธิการฟ้องคดีทางศาล
5.กลุ่มที่ถูกอุ้มฆ่า-อุ้มหาย หากหลักฐานชัดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จะได้รับเงินเยียวยา 7.5 ล้านบาท แต่ถ้าหลักฐานไม่ชัด เป็นแค่ข้อมูลเบื้องต้นว่าเจ้าหน้าที่รัฐอาจมีเอี่ยว จะได้รับ 4 ล้านบาท
มติของคณะกรรมการเยียวยาฯ ครั้งดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับทายาทและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กรือเซะ ซึ่งได้รับเงินเยียวยากรณีเสียชีวิตเพียงรายละ 4 ล้านบาท จึงรวมตัวเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2555 อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยาอย่างเป็นธรรม จน ศอ.บต.และคณะกรรมการเยียวยาฯ ต้องชะลอการนำกรอบเยียวยาขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ก.ค. คณะกรรมการเยียวยาฯ ได้อนุมัติกรอบการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอีกหลายกลุ่ม โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ถูกซ้อมทรมาน ส่วนข้าราชการครูที่เรียกร้องเงินเยียวยาเป็นกรณีพิเศษ 4 ล้านบาทสำหรับครูที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความรุนแรงนั้น คณะกรรมการเยียวยาฯได้ส่งเรื่องกลับไปให้กระทรวงศึกษาธิการในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดพิจารณาแทน ขณะที่กรณีกรือเซะยังไม่มีการกลับมติ ส่วนกลุ่มอื่นๆ ยังไม่มีความคืบหน้า โดยเฉพาะผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ "เฉพาะกรณี" ที่ไม่มีกรอบชัดเจนนักว่าผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ใดถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้บ้าง จึงทำให้ทายาทและครอบครัวผู้สูญเสียออกมาชุมนุมเรียกร้องครั้งล่าสุดดังกล่าว
รือเสาะเดือด! โจมตีฐานทหารดับ 3 เจ็บเพียบ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ตั้งแต่วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงต้นสัปดาห์นี้ ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 18.00 น.วันอังคารที่ 17 ก.ค.2555 คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะ 4 ประตู 2 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มฐานปฏิบัติการหมวดปืนเล็กที่ 3 กองร้อยทหารราบที่ 15123 (มว.ปล.ที่ 3 ร้อย.ร.15123) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ตั้งอยู่ที่บ้านท่าเรือ หมู่ 1 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้มีกำลังพลและประชาชนเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีก 6 ราย
รายชื่อผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย พลทหารสราวุฒ มินสยม นายนิติศักดิ์ ขวัญวิชาญ และ นางหิ้ว รอยประวิทย์รัตน์ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย ทราบชื่อคือ ส.อ.จักรวาล ปวงรังษี พลทหารมนตรี พรมมา พลทหารสุรนันท์ ต้องเคียน พลทหารวันชัย สุขเสถียร ทั้งหมดอาการสาหัส ส่งต่อโรงพยาบาลศูนย์ยะลา นอกจากนั้นยังมี นายอินเฮง แซ่กู่ และ นายสุดิง ยูโซ๊ะ ได้รับบาดเจ็บ ส่งต่อโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า คนร้ายยังไม่ทราบจำนวนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ สวมเสื้อเกราะกันกระสุน ใช้รถกระบะ 4 ประตู 2 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คันพร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ ขับไปจอดบริเวณหน้าฐานปฏิบัติการ จากนั้นเปิดฉากยิงด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 เพื่อเปิดทางประมาณ 3-4 นัด แล้วใช้อาวุธปืนสงครามยิงซ้ำ ฝ่ายทหารพยายามยิงตอบโต้ และสกัดไม่ให้คนร้ายเข้าไปในฐานได้ สุดท้ายคนร้ายต้องล่าถอยไปโดยไม่ทราบความสูญเสีย
สำหรับประชาชนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เป็นประชาชนที่มีบ้านเรือนติดกับฐานปฏิบัติการของทหาร โดยหลังก่อเหตุคนร้ายยังได้ตัดต้นไม้ขวางถนน และโปรยตะปูเรือใบเพื่อป้องกันการไล่ล่าติดตามของเจ้าหน้าที่ด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงทหารพรานดับคาถนนที่สายบุรี
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 21.30 น.วันจันทร์ที่ 16 ก.ค. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายวายา แมนะ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/1/ บ้านโลทู หมู่ 6 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดในพื้นที่บ้านโลทู ขณะที่นายวายากำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากทำธุระ มุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
วันเสาร์ที่ 14 ก.ค.เวลา 11.40 น.คนร้ายจำนวน 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดประกบยิง อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) อีซัน ดิงปาเนาะ อายุ 41 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4405 กรมทหารพรานที่ 44 อยู่บ้านเลขที่ 63 บ้านจะเฆ่ หมู่ 2 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กระสุนเจาะเข้าที่ขมับขวา 1 นัด ทำให้ อส.ทพ.อีซัน เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกหาข่าวในพื้นที่บ้านด่าน หมู่ 4 ต.แป้น อ.สายบุรี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ

แบงก์บันนังสตายังคึกแม้เจอบึ้ม-ชาวบ้านเดินขบวนต้านรุนแรง
ด้านความคืบหน้าการเปิดทำการวันแรกของธนาคารพาณิชย์ในเขต อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ก.ค.ภายหลังถูกคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มถึง 4 ธนาคารพร้อมกันในคืนวันศุกร์ที่ 13 ก.ค.นั้น ปรากฏว่าตู้เอทีเอ็มของทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ยังคงไม่สามารถใช้การได้ ประชาชนต้องทำธุรกรรมผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคารเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารหลายคนได้ช่วยกันเก็บกวาดซากความเสียหายจากแรงระเบิด รวมถึงตรวจสอบระบบคอมพิวเตอร์ให้ใช้งานได้ตามปกติ
นางมัทนา แว ผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขาบันนังสตา กล่าวว่า เกรงว่าหลังจากนี้อาจเกิดเหตุการณ์ร้ายซ้ำรอยอีก จึงอยากร้องขอมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัย (รปภ.) จากเจ้าหน้าที่รัฐ อยากให้มีความเข้มในการดูแลพื้นที่ อ.บันนังสตา โดยเฉพาะการ รปภ.ธนาคารควรมีตลอดเวลา เพราะเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการทำธุรกรรมของประชาชนในวงกว้าง สำหรับขวัญกำลังใจของพนักงานทุกคนยังดีอยู่ เพราะวันแรกหลังเหตุระเบิดพนักงานก็ยังมาทำงานครบทุกคน
สำหรับธนาคารอิสลามฯ สาขาบันนังสตานั้น เพิ่งเปิดให้บริการมาประมาณ 7 เดือน มียอดการทำธุรกรรมเฉลี่ย 1-2 ล้านบาทต่อวัน
ด้านนักเรียนโรงเรียนดำรงวิทยา และประชาชนในเขตเทศบาลตำบลบันนังสตาจำนวนกว่า 500 คน ได้รวมตัวกันถือป้ายผ้าเขียนข้อความต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.บันนังสตา เดินรณรงค์ไปรอบเทศบาล เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันประณามผู้ก่อเหตุร้ายจนกระทบกับธุรกิจและวิถีชีวิตของประชาชน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-4 การรวมตัวกันของทายาทและครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่บริเวณหน้า ศอ.บต. เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาอย่างเป็นธรรม โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ลงมาพบและรับข้อเรียกร้องด้วยตนเอง (ภาพชุดนี้โดย อับดุลเลาะ หวังหนิ และ อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
5 บรรยากาศที่หน้าธนาคารอิสลามฯ สาขาบันนังสตา ช่วงที่เปิดให้บริการวันแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังถูกลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 13
6-7 ชาวบ้านและนักเรียนในเขตเทศบาลตำบลบันนังสตา เดินขบวนพร้อมชูป้ายผ้าต่อต้านการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มผู้ไม่หวังดี (ภาพชุดจากบันนังสตา โดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
