เอสซีจี หนุน ร.ร.ทั่วประเทศผุดโครงการนำร่อง ฟื้นฟู-รับมือภัยพิบัติ

โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ฯ จ.ปทุม ผุดกิจกรรมเสริมทักษะชีวิตเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ เล็งบรรจุเข้าหลักสูตรในห้องเรียน ขณะที่โรงเรียนปฐมวิทยาคาร จ.อยุธยา เร่งอาคารสุขา ยกสูง 2 ม. หนีน้ำ สำรองเป็นศูนย์พักพิง
วันที่ 17 กรกฎาคม มูลนิธิเอสซีจี นำสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อติดตามผลดำเนินการโครงการ “โรงเรียนหนู...สู้ภัย” ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้โรงเรียนแต่ละแห่ง มีอิสระในการเสนอโครงการ หลังจากได้รับผลกระทบต่อน้ำท่วมใหญ่มีปี 2554 โดยมีเงื่อนไขหลักว่า นอกจากการของบประมาณเพื่อซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ยังต้องเป็นโครงการที่สามารถพร้อมรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ด้วย และไม่ได้เป็นเพียงการซ่อมสร้าง แต่ให้รวมถึงโครงการเชิงเตรียมการป้องกันอื่นๆ ด้วย ภายใต้วงเงินสนับสนุน 200,000 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าว เริ่มรับเสนอโครงการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นางสุรนุช ธงศิลา กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าว ถึงผลตอบรับของโครงการนี้ว่า หลังจากที่มีเปิดให้เสนอโครงการ มีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั่วประเทศเสนอมามากกว่า 500 โรงเรียน ซึ่งทางมูลนิธิได้พิจารณาคัดเลือกและสนับสนุนงบประมาณไปทั้งสิ้น 163 โรงเรียน โดยแบ่งเป็น ภาคกลาง 154 โครงการ ภาคเหนือ 112 โครงการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 98 โครงการ ภาคตะวันตก 19 โครงการ ภาคตะวันออก 23 โครงการ และภาคใต้ 121 โครงการ
สำหรับโรงเรียนตัวอย่างที่ได้รับคัดเลือก ได้แก่ โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (มัธยมวัดหัตถสารเกษตร) ในพระบรมราชูปถัมภ์ ฯ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งนำเสนอโครงการ “ฟื้นฟูศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อรับมือกับอุทกภัยที่เกิดขึ้น” โดย แบ่งกิจกรรมเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.การปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง 2.การจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อรับมือกับอุทกภัย
นางภคินี โอฬาริกชาติ ผู้ช่วยรองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผนงาน กล่าวว่า ในส่วนของศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงนั้น ฐานการเรียนรู้ 15 ฐานของนักเรียน ไม่ว่าจะเป็น โรงเพาะเห็ดหรือแปลงปลูกพืชไฮโดรโปรนิค ได้รับความเสียหายอย่างมาก จึงต้องเร่งให้มีการฟื้นฟูเพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาต่อไปได้ นอกจากนี้ พบว่าในช่วงน้ำท่วมนั้น นักเรียนกว่า 99% ได้รับผลกระทบ ในขณะที่นักเรียนไม่มีทักษะชีวิตในการเอาตัวรอดเลย จึงเกิดเป็นฐานกิจกรรมเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอุทกภัยทั้งหมด 14 ฐาน ได้แก่ 1.ฐานฝึกว่ายน้ำ 2.ทำสุขาฉุกเฉิน 3.การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 4.ปลูกพืชในแพ 5.ฝึกพายเรือ 6.วิธีการทำน้ำหมัก 7.ฐาน 5 ส. 8.ฝึกสมาธิและสติเพื่อรับมือกับสภาวะฉุกเฉิน 9.การทำเสื้อชูชีพ 10.ทำอุปกรณ์วัดกระแสไฟฟ้ารั่ว 11.การทำน้ำยาฆ่าเชื้อรา 12.ความรู้ในการเตรียมความพร้อมและป้องกันอุทกภัย 13.การอยู่ร่วมกันในศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย และ 14.ปลูกจิตสำนึก จิตอาสา
"ขณะนี้เป็นการนำร่องสอนแกนนำของโรงเรียนในช่วงเวลาพักเรียน แต่คาดว่าหลังจากนี้จะบรรจุเข้าเป็นหลักสูตรสถานศึกษา โดยบูรณาการเข้ากับ 8 กลุ่มสาระวิชาเรียน"
ขณะที่โรงเรียนปฐมวิทยาคาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากน้ำท่วมเช่นกัน เนื่องจากพื้นที่ของโรงเรียนอยู่ต่ำกว่าถนนมาก ทั้งยังติดกับแม่น้ำตรงหัวโค้ง ทำให้พื้นที่ของโรงเรียนถูกน้ำท่วมทุกปี โดยเฉพาะน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ซึ่งนับว่าหนักที่สุด และได้รับความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะห้องน้ำ เพราะน้ำท่วมมิดไม่สามารถใช้การได้
นายสมศักดิ์ ทันประจันทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนปฐมวิทยาคาร กล่าว ถึงมาตรการในการรับมือว่า ปกติหากน้ำท่วมไม่สูงมากนัก ก็รับมือได้เสมอ แต่กับในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงต้องการเร่งฟื้นฟูโรงเรียน ด้วยการถมพื้นที่ให้สูงขึ้น พร้อมทั้งได้ทำการดีดตัวอาคารเรียนไม้ขึ้นอีก
"ปัญหาอยู่ที่ห้องสุขาที่ไม่สามารถใช้ได้ แม้จะมีสุขาลอยน้ำแต่ก็ไม่ถูกสุขลักษณะ จึงได้มีการนำเสนอโครงการสร้างอาคารสุขา โดยยกสูง 2 เมตร มีทั้งหมด 8 ห้อง เพื่อให้สามารถใช้เมื่อเกิดภัยพิบัติได้ อีกทั้งรองรับในการเป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยต่อไปด้วย"
ผู้ช่วย ผอ.ร.ร.ปฐมวิทยาคาร กล่าวด้วยว่า สำหรับปีนี้ เราคงต้องยอมรับให้เป็นพื้นที่รับน้ำมากขึ้น เนื่องจากมีการประกาศแล้วว่าจะไม่ให้น้ำเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจอีก ฉะนั้นแล้ว คงต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมกับมืออุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นอีกปีนี้

