ตามรอย คอป.(2) : รวม "ข้อเสนอ" ที่ รบ.ปฏิเสธไม่ได้ (แต่แค่ไม่ทำ)
รวมข้อเสนอตลอด 2 ปี ของ คอป. ที่แม้จะเสนอให้กับ รบ.ทั้ง "อภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์" ไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ คำถาม ก็คือ ...ทำไม?
“ผมจะยื่นข้อเสนอที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้” (I'll make him an offer he can't refuse) เป็นวลีเด็ดในภาพยนตร์อมตะ เรื่อง “เดอะก๊อดฟาเธอร์”
แต่สำหรับ “คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)” ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นก๊อดฟาเธอร์ อาจจะมีวลีเด็ดที่ต่างกัน เพราะไม่ว่าจะยื่นข้อเสนออะไรไป ทั้งกับ “รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และกับ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มักจะไม่ถูกนำไปสู้การปฏิบัติ
ทั้งๆ ที่ “นายกฯ มาร์ค” เป็นคนลงนามในคำสั่งตั้ง คอป.มากับมือ และทั้งๆ ที่ “นายกฯปู” พูดอยู่เสมอว่า จะสนับสนุนการทำงาน คอป.ในการสร้างความปรองดอง
“สำนักข่าวอิศรา” จึงกลับไปตรวจสอบว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คอป.ได้ยื่นข้อเสนออะไรให้กับรัฐบาลบ้าง? เพื่อสาธารณชนจะได้ร่วมกันตรวจสอบว่า มีกี่ข้อเสนอที่ถูกนำไปสานต่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม?
โดยที่ผ่านมา คอป.เคยยื่นหนังสือกับให้กับรัฐบาล 6 ฉบับ แต่ละฉบับมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
1).ข้อเสนอแนะ คอป. เกี่ยวกับการตีตรวนผู้ต้องขัง (ยื่นเมื่อวันที่ 29 ก.ค.2553 ให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์)
-ให้เลิกตีตรวนผู้ต้องขัง
2) ข้อเสนอแนะของ คอป.เกี่ยวกับสิทธิพื้นฐานของผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรง (ยื่นเมื่อวันที่ 15 พ.ย.2553 ให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์)
-ให้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมได้รับการประกันตัว หากไม่มีพฤติการณ์ว่าจะหลบหนี /ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน /จะก่ออันตรายประการอื่น
-ให้ปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำบางส่วนที่ถูกควบคุมตัวไว้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อหรือสนับสนุนความรุนแรงระหว่างการชุมนุมโดยตรง
-ให้รัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานของรัฐ เช่น ศอฉ. สตช. ดีเอสไอ หรือแม้กระทั่ง อสส.ให้รายงานข้อเท็จจริงและความเห็นเพิ่มเติมต่อศาลว่าการปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความปรองดองในชาติอย่างไร
-ให้รัฐช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาในด้านอื่นๆ เช่น การจัดหาทนายความ การลดผลกระทบต่อตัวผู้ถูกกล่าวหาและครอบครัว ฯลฯ
3) รายงานความคืบหน้าการทำงาน คอป.ครั้งที่ 1 (ยื่นเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2554 ให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์)
-ให้ทุกฝ่ายร่วมกันแสวงหาแนวทางแก้ปัญหาที่รากเหง้าอย่างจริงจัง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
-ให้ทุกพรรคการเมืองประกาศจุดยืนให้ชัดก่อนการเลือกตั้งถึงแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการนำชาติบ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งหลังการเลือกตั้ง
-ให้มีการนิรโทษกรรมผู้เกี่ยวข้องในสถานการณ์ความรุนแรง โดยนำหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice) มาใช้ เป็นกลไกเสริมกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก ซึ่งมีข้อจำกัดในการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้
-ให้ผู้มีอำนาจรัฐใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาด้วยความระมัดระวัง ไม่ตั้งข้อหากับผู้ที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมรุนแรงเกินสมควร
-ให้ทุกฝ่ายยกย่องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันที่อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง
-ให้รัฐบาลเยียวยาและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความช่วยเหลือทั้งทางร่างกาย จิตใจ และการประกอบอาชีพ
4) รายงานความคืบหน้าการทำงาน คอป.ครั้งที่ 2 (ยื่นเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2554 ให้กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์)
-ให้รัฐบาลดำเนินมาตรการลดความขัดแย้ง และตรวจสอบผลักดันให้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ได้รับการพิจารณาวินิจฉัยอย่างเท่าเทียมกัน
-ให้ทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล ผู้มีอำนาจรัฐ พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง หรือกลุ่มบุคคลใด ระมัดระวังในการกระทำใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในการปรองดอง
-ให้ผู้ถูกกล่าวหาในความผิด 4 ฐาน 1.ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป 3.หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ 4พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ได้รับการทบทวนการตั้งข้อกล่าวหาว่ารุนแรงเกินสมควรหรือไม่ /ดำเนินการอย่างจริงจังให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว /หากไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ให้จัดหาสถานที่ในการควบคุมตัวที่มิใช่เรือนจำปกติ /นำหลักวิชาความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน หรือความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ ทั้งนี้ ระหว่างนั้น สมควรขอความร่วมมือให้อัยการชะลอการดำเนินคดีโดยไม่นำขึ้นสู่ศาล
-ให้รัฐเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกฝ่ายอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง โดยให้ครอบคลุมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 โดยควรจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาทำหน้าที่นี้
-ให้รัฐเยียวยากลุ่มผู้ที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม อาทิ จ่ายค่าทดแทนกรณีที่ศาลยกฟ้องแล้ว
-ให้ดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยคำนึงถึงเป้าหมายสุดท้าย คือการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ /ไม่นำมาตรการในทางอาญามาใช้มากจนเกินสมควร /ให้ทุกฝ่ายยุติการกล่าวอ้างถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง /ให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับคดีหมิ่นฯ /ให้อัยการใช้ดุลยพินิจว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ /ให้ผู้ต้องหาและจำเลยในคดีหมิ่นฯได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
-ให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
5) ข้อเสนอแนะของ คอป.ต่อนโยบายสร้างความปรองดองสมานฉันท์ (ยื่นเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2554 ให้กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์)
-(ข้อเสนอคล้ายกับรายงานความคืบหน้าการทำงาน คอป.ครั้งที่ 2)
และ
6) รายงานความคืบหน้าการทำงาน คอป.ครั้งที่ 3 (ยื่นเมื่อเดือน มี.ค.2555 ให้กับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์)
-เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาล นายกฯ ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง ผู้ใช้อำนาจของรัฐ สื่อมวลชน กลุ่มบุคคล และองค์กรต่าง ๆ ร่วมกันประคับประคองสถานการณ์ความขัดแย้ง และให้ความสำคัญต่อการสร้างบรรยากาศของความปรองดองในชาติ
-ให้ทบทวนการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะต่างๆ ของคอป. เพราะการตอบรับเรื่องข้อเสนอให้เลิกตีตรวนยังไม่น่าพอใจ /การตอบรับเรื่องให้ปล่อยตัวชั่วคราวยังไม่น่าพอใจ
-ให้รัฐบาลและรัฐสภาร่วมกันแสดงความกล้าหาญในทางการเมืองเพื่อขจัดเงื่อนไขปัญหาของสังคม ด้วยการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
-ให้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในมิติด้านการขอโทษ นอกเหนือจากมิติด้านการสงเคราะห์ เพียงอย่างเดียว
ตอนหน้า เตรียมพบ "คำตอบ" ว่า คนกลุ่มไหน? องค์กรใด? เป็นอุปสรรคสำคัญ ในการสร้าง "ความปรองดอง" ตามแนวทางของ คอป.
:::เรื่องที่เกี่ยวข้อง:::
- ตามรอย คอป.(1) : เปิด “3 ตัวละครหลัก" จุดชนวน "ล้อมฆ่า-เผาเมือง" ปี 2553
- 10 คำถามกับ “คณิต ณ นคร” ก่อนวาระสุดท้าย คอป. บทสรุป "ปรองดอง หรือ ปรองเดี้ยง?"
