ตร.จราจร ยันไม่มีใบสั่งปลอม -แจง “ตราปั๊มสีแดง” แค่เตือนจ่ายค่าปรับ 7 วัน
หลังจากมีผู้มาโพสต์ข้อความถามบนหน้าเฟซบุ๊กของ “สำนักข่าวอิศรา” เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าใบสั่งที่มีกับไม่มี "ตรายางปั๊มสีแดง" ต่างกันอย่างไร พร้อมขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักข่าวอิศรา ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน ก็มีผู้โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตว่า “คุณเคยสงสัยไหมว่าตำรวจจราจรทำไมต้องพกใบสั่ง 2 เล่ม? ใบซ้าย (ที่มีตรายางปั๊ม) คือใบสั่งจริงเข้าหลวง แต่ใบขวา (ที่ไม่มีตรายางปั๊ม) คือพวกตำรวจทำขึ้นมาเองโดยรู้กันใน สน. เพราะฉะนั้นคุณจะสั่งเกตุง่ายๆก็คือถ้าใบสั่งของคุณไม่มีตรายางปั๊มว่าท้องที่ไหนแล้วก็เขียนจำนวนเงินให้(พนักงานจราจรจะไม่มีสิทธิ์เขียนราคา) คุณไม่ต้องไปจ่ายเลยขย่ำทิ้งได้เลย(กรณีไม่ถูกยืดใบขับขี่นะคับเช่นจอดรถไว้แล้วมีกระดาษมาติดหน้ารถ)”
ช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวอิศรา” ได้เดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริงจากฝ่ายงานจราจร สน.สามเสน ถึงกรณีดังกล่าว โดยได้รับชี้แจงข้อเท็จจริงจากตำรวจจราจร สน.สามเสนรายหนึ่ง ว่า ใบสั่งทั้ง 2 ใบ ไม่แตกต่างกัน คือผู้ที่ถูกใบสั่งจะต้องมาเสียค่าปรับ ให้กับ สน.ท้องที่นั้นๆ ภายใน 7 วัน เหตุที่ต้องมีการปั๊มตรายาง เพราะผู้ถูกใบสั่งมักไม่ค่อยสังเกตุ ว่าในใบสั่งจะเขียนไว้ให้มาเสียค่าปรับ ภายใน 7 วัน เพื่อขอใบขับขี่คืน ไม่เช่นนั้นจะต้องไปเสียค่าปรับ เวลาต่อทะเบียนรถยนต์ที่ขนส่งพื้นที่นั้นๆ แล้วต้องนำใบเสร็จที่ขนส่งมาให้กับ สน.ท้องที่ดังกล่าว เพื่อขอใบขับขี่คืน ยืนยันว่าตราปั๊มยางเป็นสิ่งที่แต่ละ สน.ทำขึ้นมากันเอง ดังนั้น ไม่ว่าจะได้รับใบสั่งที่มีหรือไม่มีตรายางปั๋ม ก็ต้องไปเสนอค่าปรับที่ สน.ท้องที่นั้นๆ อยู่ดี
“ยืนยันว่าไม่มีใบสั่งปลอม หรือมีตำรวจจราจรรายใด หากินกับใบสั่งเด็ดขาด เพราะการเบิกใบสั่งไปใช้ทุกครั้ง จะต้องมีการลงในบันทึกขอเบิกใบสั่ง (หยิบสมุดบัญชีหน้าปกสีน้ำเงิน ซึ่งบันทึกการเบิก-จ่ายใบสั่งมาแสดง) โดยจะมีการลงรหัสว่าใครเป็นผู้เบิกไปบ้าง เช่น 6-1 6-2 6-3 6-4 ดังนั้น หากมีปัญหาก็จะรู้ว่าตำรวจจราจรรายใดเป็นเบิกใบสั่งนั้นไปใช้” ตำรวจจราจร สน.สามเสนรายนี้ กล่าวชี้แจง
ทั้งนี้ ผู้ใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น อยากให้ “สำนักข่าวอิศรา” ช่วยตรวจสอบ สามารถติดต่อสอบถามหรือส่งข้อมูลมาได้ ทางเฟซบุ๊ก “สำนักข่าวอิศรา” หรือ ทางทวิตเตอร์ @isranews_agency