(มีอัพเดท) พบเบาะแสรถกระบะ "บอมบ์โก-ลก" บึ้มซ้ำระแงะทหารพรานเจ็บอื้อ
ตำรวจได้เบาะแสรถกระบะสีดำที่คนร้ายใช้ทำ "คาร์บอมบ์" ถล่มหน้าร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้ากลางเมืองสุไหงโก-ลก ชี้เป็นของพ่อค้าเร่ขายเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกปล้นฆ่าแล้วชิงรถเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังมึนกล้องวงจรปิดเสียตามเคย ส่วนผู้บาดเจ็บ 8 รายปลอดภัยทั้งหมด ส่วนใหญ่สำลักควันจากเพลิงไหม้อาคาร 4 ชั้น 4 คูหา เปิดสถิติคาร์บอมบ์ชายแดนใต้ 9 ปี 31 ลูก ส่วนระแงะบึ้มซ้ำ ทหารพรานเจ็บระนาว แม่ลานเดือด ตำรวจเปิดฉากยิงปะทะคนร้ายเจ็บฝ่ายละหนึ่ง ศรีสาครเจอระเบิดดักเจ้าหน้าที่ตรวจที่เกิดเหตุ กู้ได้หวุดหวิด
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงร้อนระอุ โดยล่าสุดเกิดระเบิด "คาร์บอมบ์" ขึ้นกลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ในช่วงเช้าตรู่วันแรกของเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม
"คาร์บอมบ์" ลูกล่าสุดซึ่งเป็นลูกที่ 5 ของปีนี้ เกิดขึ้นบริเวณหน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ตั้งอยู่ในอาคาร 4 ชั้น 4 คูหา เลขที่ 2-8 ถนนเจริญเขต ซอย 1 ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยคนร้ายประกอบระเบิดน้ำหนัก 50 กิโลกรัมซึ่งเป็นแอมโมเนียมไนเตรทผสมน้ำมันดีเซล บรรจุในถังแก๊สหุ้งต้ม จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ วางไว้ในห้องโดยสารของรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน สย 6602 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนปลอม
ทั้งนี้ แรงระเบิดทำให้รถที่ใช้เป็นคาร์บอมบ์พังยับเยิน รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างๆ ตลอดจนอาคารของบริษัทฯ ได้รับความเสียหาย ทั้งยังเกิดเพลิงลุกไหม้อาคาร และมีคนติดอยู่ในอาคารจำนวนหนึ่ง
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสารักษาดินแดน (อส.) อาสาสมัครกู้ภัย และรถดับเพลิงได้ระดมกำลังรุดไปฉีดน้ำสกัดเพลิงพร้อมช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงคนที่ติดอยู่ในอาคาร โดยใช้รถน้ำกว่า 10 คัน และรถกระเช้าของเทศบาลเมืองเพื่อช่วยเหลือเจ้าของบริษัทและครอบครัวรวม 4 คนที่หนีขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบลง และช่วยเหลือเจ้าของบริษัทกับครอบครัวลงมาจากดาดฟ้าได้อย่างปลอดภัย โดยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลกเนื่องจากสำลักควัน สำหรับมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประเมินไว้ประมาณ 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 8 ราย มีทั้งที่ถูกสะเก็ดระเบิดและสำลักควัน ทราบชื่อคือ
1) นายสะมะแอ แวมะ อายุ 62 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหน้าอก
2) นายพิชัย ทองชมพูนุช อายุ 59 ปี ถูกกระจกบาดบริเวณมือ
3) นายรุสลัน มะอูเซ็ง อายุ 41 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหน้าอก อาการไม่สาหัส โดยทั้ง 3 คนนี้เป็นประชาชนทั่วไปที่สัญจรผ่านมาในช่วงเกิดระเบิดพอดี
4) นายเจริญชัย อุดมเลิศสกุล เจ้าของบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ฯ อายุ 74 ปี
5) นายทวีศักดิ์ อุดมเลิศสกุล อายุ 45 ปี ลูกชายของนายเจริญชัย
6) น.ส.สุนี อุดมเลิศสกุล อายุ 35 ปี ลูกสาวของนายเจริญชัย
7) น.ส.สุภัสสร ติยะรัตนาชัย อายุ 43 ปี ลูกสะใภ้ของนายเจริญชัย
8) น.ส.อามีรา เจ๊ะโซ๊ะ อายุ 31 ปี
จากการตรวจสอบและสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังไม่สรุปว่าคนร้ายต้องการก่อเหตุระเบิดด้วยจุดประสงค์ใด เพราะระเบิดทำงานในช่วงเช้าตรู่ ทำให้ก่อความสูญเสียไม่ร้ายแรงนัก อาจเป็นไปได้ที่เกิดความผิดพลาดจนระเบิดทำงานก่อนเวลา อย่างไรก็ดี มีข่าวอีกกระแสหนึ่งว่าคนร้ายต้องการดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่ขับรถกระบะผ่านมาในช่วง 6 โมงเช้า แต่ทิศทางระเบิดผิดพลาดไปสร้างความเสียหายให้กับบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ฯแทน
มีรายงานด้วยว่า กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ในละแวกที่เกิดเหตุเสีย จึงไม่สามารถจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีดึงภาพจากกล้องที่อยู่ไกลออกไป เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ากล้องเสียอยู่ก่อนแล้ว หรือเสียจากแรงระเบิด
สำหรับรถกระบะที่คนร้ายใช้ติดตั้งระเบิด พบว่าเป็นของพ่อค้าเร่ขายเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกคนร้ายดักปล้นฆ่าและชิงรถไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2554 ส่วนทะเบียนกรุงเทพมหานครที่คนร้ายนำมาสวมแทน มาจากรถของชาวบ้านที่ถูกสังหารในท้องที่ อ.เมืองยะลา เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เปิดสถิติคาร์บอมบ์ชายแดนใต้ 9 ปี 31 ลูก
เหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.สุไหงโก-ลก เมื่อเช้าครู่วันศุกร์ที่ 20 ก.ค.นั้น เป็นครั้งที่ 5 ของปีนี้ โดยครั้งแรกเกิดที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันอังคารที่ 10 ม.ค. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายเป็นพ่อลูกกัน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 ก.พ. บริเวณหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีกนับสิบ ส่วนครั้งที่ 3 และ 4 เกิดขึ้นวันเดียวกันคือ 31 มี.ค.ที่ลานจอดรถโรงแรมลีการ์เด้นส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 10 รายและได้รับบาดเจ็บหลายร้อย ครั้งที่ 5 คือเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.สุไหงโก-ลก
จากสถิติที่เก็บรวบรวมโดย "ศูนย์ข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา" และศูนย์ข้อมูลวัตถุระเบิด ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) พบว่า ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน เกิดระเบิดในลักษณะ "คาร์บอมบ์" มาแล้ว 30 ครั้ง (รวมคาร์บอมบ์ที่ อ.หาดใหญ่ เมื่อ 31 มี.ค.ด้วย) แยกเป็น จ.ปัตตานี 3 ครั้ง จ.ยะลา 8 ครั้ง จ.นราธิวาส มากถึง 19 ครั้ง และ อ.หาดใหญ่ 1 ครั้ง
บึ้มซ้ำทหารพรานที่ระแงะ-เจ็บ 7 นาย
ต่อมาเวลา 17.20 น. ยังเกิดเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดถังแก๊สที่ฝังไว้ใต้ผิวถนนเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4514 (ร้อย ทพ.4514) กรมทหารพรานที่ 45 บนถนนสายบ้านฮูลูปาเระ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขณะทหารชุดดังกล่าวออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางและส่งเสบียงตามฐานต่างๆ โดยมีกำลังพล 7 นาย ใช้รถหุ้มเกราะรีวา (REVA) เป็นพาหนะ แรงระเบิดทำให้รถหุ้มเกราะเสียหลักตีลังกาหลายตลบ กำลังพลในรถได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
รายชื่อผู้บาดเจ็บประกอบด้วย 1) ร.ต.ระวิ เพชรพิรุณ อายุ 49 ปี หัวหน้าชุด 2) ส.อ.อภิรักษ์ เหมฤต 3) ส.ต.อดิศักดิ์ เนียมทอง 4) อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ภาณุพงษ์ ดลประสิทธิ์ 5) อส.ทพ.ธวัช นาโสภา 6) อส.ทพ.อนุสรน์ ภูป้องพนา 7) อส.ทพ.สุรศักดิ์ เดชสาราญ โดยกำลังพลส่วนใหญ่แขนหัก หรือไม่ก็ขาหัก เนื่องจากร่างกายกระแทกกับตัวถังรถช่วงที่รถเสียหลักตีลังกา นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ น.ส.ไซนะ ตีงี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/41 หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ เนื่องจากขี่รถจักรยานยนต์ผ่านจุดเกิดเหตุพอดี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ปะทะเดือดที่แม่ลาน "ตำรวจ-คนร้าย" เจ็บฝ่ายละ 1
ส่วนที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ช่วงเย็นวันเดียวกัน ขณะที่ชุดปฏิบัติการ ปปส. (ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) สภ.แม่ลาน กำลังพล 8 นาย ออกลาดตระเวนเส้นทางด้วยรถกระบะอยู่นั้น เมื่อรถแล่นถึงถนนชลประทาน สี่แยกบ้านบาโงกาเสาะ หมู่ 4 ต.ดาโต๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยขี่ผ่านมา จึงได้เรียกตรวจค้น แต่คนร้ายจอดรถทิ้งไว้และวิ่งหลบหนีไปทันที ด.ต.วิเชียร ชัยสุข อายุ 45 ปี จึงวิ่งไล่ติดตาม แล้วถูกคนร้ายยิงสวนกลับมาทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หลังจากนั้นฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้จึงเกิดการยิงปะทะกันครู่ใหญ่ ฝ่ายคนร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เจ้าหน้าที่ตามจับเอาไว้ แต่ไม่มีเอกสารแสดงตน นอกจากนั้นยังควบคุมผู้ต้องสงสัยได้อีก 1 ราย นำส่ง สภ.แม่ลาน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบ
เวลา 19.15 น.คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมูฮัมหมัดซัมดี หะยีมะนิง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169 บ้านสถานีบูกิต หมู่ 3 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กระสุนถูกบริเวณหน้าท้อง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะนายมูฮัมหมัดซัมดีกำลังเดินไปซื้ออาหารที่หน้าสถานีรถไฟบ้านบูกิต เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ลอบยิงชาวบ้าน-วางกับระเบิดดักสังหาร จนท.แต่กู้สำเร็จ
ด้านเหตุรุนแรงอื่นๆ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ก.ค.เวลา 07.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ซุ่มยิง นางเพียงใจ ว่องไว อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 2 ต.กาหลง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ขณะนั่งอยู่ในรถกระบะที่มีสามีเป็นคนขับ บนถนนสายศรีสาคร-กาหลง ท้องที่บ้านไอร์วอ บ้านย่อยของบ้านกาหลง หมู่ 1 ต.กาหลง กระสุนปืนเฉี่ยวศีรษะ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 37 ได้นำกำลังไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 5 ปลอก และพบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องดัดแปลงคล้ายเครโม น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม จุดชนวนแบบเหยียบ โดยทำสวิตช์พ่วงกันถึง 5 จุด วางอยู่บริเวณที่คาดว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนซุ่มยิงนางเพียงใจ คาดว่าต้องการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจจุดเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่อีโอดีสามารถเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : คุณจรูญ ทองนวล ช่างภาพมือรางวัลจากศูนย์ภาพเนชั่น เอื้อเฟื้อภาพคาร์บอมบ์โก-ลก
