คำพิพากษา? “เฟรชชี่ 9 ศพ”
แม้จะผ่านมาปีเศษ แต่ดูเหมือนชาวเน็ตจะยังไม่ลืมความโกรธเกรี้ยวต่อ “น.ส.เอ” (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค เฉี่ยวชนท้ายรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อปลายปี 2553
เห็นได้จาก พอมีคนโพสต์รูปสาวหน้าใสคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็น “น.ส.เอ” กำลังทำกิจกรรมรับน้องที่ ม.เอกชนแห่งหนึ่ง บนเว็บบอร์ดชื่อดัง ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คอมเม้นต์ส่วนใหญ่ จึงไปในทาง...วิจารณ์กันกระหน่ำ !
หรือหากมีชาวเน็ตแสดงความเห็นอกเห็นใจ “น.ส.เอ” ก็ยังถูกความไม่พอใจโหมถล่มไปด้วย !?
ซึ่งไม่ว่ารูปดังกล่าวจะถูก share ไปในที่แห่งใดบนโลกอินเตอร์เน็ต “ชะตากรรม” ก็ดูจะไม่แตกต่างกันมากนัก
ความจริง “บทบาทของสื่อ” โดยเฉพาะสื่อกระแสหลัก ต่อการเสนอข่าวกรณีนี้ เคยเป็นเป้าของการวิจารณ์ของพักใหญ่ เนื่องจาก “น.ส.เอ” มีอายุเพียง 16 ปี ในขณะที่เกิดเหตุ ซึ่งตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 27 ระบุไว้ว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็ก (บุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์) หรือผู้ปกครอง โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ”
(พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ที่บังคับใช้ภายหลัง ก็มีข้อความลักษณะเดียวกัน โดยมาตรา 130 ระบุไว้ว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดบันทึกภาพ แพร่ภาพ พิมพ์รูป หรือบันทึกเสียง แพร่เสียงของเด็ก (บุคคลอายุ 7-14 ปี) หรือเยาวชน (บุคคลอายุ 14-18 ปี) ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือโฆษณาข้อความซึ่งปรากฏในทางสอบสวนของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือในทางพิจารณาคดีของศาลที่อาจทำให้บุคคลอื่นรู้จักตัว ชื่อตัว หรือชื่อสกุล ของเด็กหรือเยาวชนนั้น หรือโฆษณาข้อความเปิดเผยประวัติการกระทำความผิด หรือสถานที่อยู่ สถานที่ทำงาน หรือสถานศึกษาของเด็กหรือเยาวชนนั้น”)
แต่การนำเสนอข่าว “สาวซิ่งซีวิคชนรถตู้บนโทลล์เวย์ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน” กลับเป็นไปอย่างหลากหลาย เพราแม้สื่อบางแห่งจะลงชื่อ-นามสกุลจริงของ “น.ส.เอ” ในวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากชนกันในช่วงดึก ทำให้ไม่มีเวลาตรวจสอบข้อมูลเรื่องอายุของ “น.ส.เอ” อย่างเพียงพอ แต่เมื่อทราบภายหลังก็แก้ไขเปลี่ยนมาใช้เพียงชื่อเล่น ใช้นามสมมุติอย่าง “น.ส.เอ” หรือใช้คำแทนอย่าง “สาวซีวิค”
แต่ก็ยังมีบางสื่อใช้ ชื่อ-นามสกุลจริง แถมไม่มีการเบลอหน้าให้
นำไปสู่การคุ้ยข้อมูลเด็กสาวรายนี้ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง กระทั่งเมื่อมีการเผยแพร่ข้อความ (ปลอม) ที่เด็กสาวคนดังกล่าวคุยกับเพื่อนผ่านโทรศัพท์แบล็กเบอร์รี่ หรือ BB ที่เขียนในทำนองว่าไม่ยี่หระต่อคนที่เสียชีวิต พร้อมข้อความว่าแค่ยัดเงินสื่อกับตำรวจคดีก็จบแล้ว..ความอดทนของคนในสังคมก็ขาดผึง !
นำไปสู่การตั้งแฟนเพจ “มั่นใจว่าคนไทยเกินล้านคนไม่พอใจ น.ส.เอ” ซึ่งถึงปัจจุบันมีคนกด like มากกว่า 3 แสนคน !!
“จุลสารราชดำเนิน” ซึ่งเป็นเอกสารที่รายงานความเคลื่อนไหวในวงการสื่อมวลชน ฉบับที่ 22 ประจำ เดือน ม.ค.2555 เล่มพิราบแตกรัง ก็เคยเขียนถึงเรื่องดังกล่าว ในคอลัมน์ "เครื่องเคียงข่าว" โดยใช้ชื่อ “คำพิพากษา!” เขียนโดยคุณพนัสชัย คงศิริขันต์
คุณพนัสชัย ได้เกริ่นนำถึงการทำหน้าที่ของสื่อ ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการสรุปบทเรียนต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าปรากฏการณ์ที่สื่อกระแสหลักและสื่อกระแสใหม่จับมือนำเสนอเหตุการณ์ น.ส.เอ หากมองอีกมุมหนึ่งถือเป็น ดาบสองคมมิใช่น้อย
“เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เด็กสาววัยเพียง 16 ถูก "สื่อ-สังคม" รุมกระหนํ่าพิพากษา ให้เธอตกเป็นจำเลยสังคมไปในชั่วพริบตาเดียว ทั้งที่ในทางคดีความเด็กสาวผู้นี้ยังไมได้ข้อยุติในกระบวนการยุติธรรม”
จากนั้นก็เป็นการรายงานความเห็นของผู้รู้ ทั้งด้านนิเทศศาสตร์อย่าง “รศ.ดร.ดรุณี หิรัญรักษ์” อดีตคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และด้านนิติศาสตร์อย่าง “ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ระบุตรงกันว่า ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 หากผู้ก่อเหตุเป็นเด็กอายุไม่ 18 ปี ควรจะปกปิดชื่อ-นามสกุลจริง รวมถึงใบหน้าของเด็ก ไม่เช่นนั้นสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องได้
แต่ความเห็นที่น่าสนใจมาจาก “ศ.วิชา มหาคุณ” กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในฐานะอดีตประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ที่เปิดเผยสาเหตุที่กฎหมายกำหนดให้ปกปิดข้อมูลของผู้ก่อเหตุที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ว่า
”กฎหมายไทยต้องการแก้ไขและฟื้นฟูพฤติกรรมของเยาวชนมากกว่าที่จะเน้นการลงโทษเพียงอย่างเดียวเหมือนกฎหมายสำหรับผู้ใหญ่ เพราะคาดหวังว่าเมื่อโตขึ้นมาแล้วเยาวชนคนดังกล่าวจะปรับปรุงตัวและอยู่ในสังคมต่อไปได้”
น่าสนใจว่า หากสื่อนำเสนอข่าว “น.ส.เอ” ในปี 2553 ได้อย่างครบถ้วน-สมบูรณ์ ปรากฎการณ์ภาพรับน้องของ "น.ส.เอ" ในปี 2555 จะกระหึ่ม! อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือไม่
(ดาวน์โหลด! จุลสารราชดำเนิน ฉบับที่ 22 ประจำเดือน ม.ค.2555 เล่ม “พิราบแตกรัก” ไปอ่าน ได้จากที่นี่)
นอกจากบทความเรื่อง “คำพิพากษา!” ที่เขียนถึงสิ่งที่สื่อควรใคร่ครวญกรณี “น.ส.เอ” ยังมีบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ เปิดใจ “ฐากูร บุนปาน” ทำไมมติชนเปลี่ยนไป?, มติชนกับอาการเลือดไหล, มรสุมของสภาการ นสพ.กรณี “อีเมล์ฉาว”, รุ่งอรุณของสื่อออนไลน์ในสายตา “สุทธิชัย หยุ่น” ฯลฯ
ที่มาภาพ : ไทยรัฐ
:::เรื่องที่เกี่ยวข้อง:::
- กระหึ่ม! รูป “สาวซิ่งซีวิค” รับน้อง ม.ดัง โผล่ตามเว็บบอร์ด -เสียงวิจารณ์ขรม
