ยิงหน้ากล้องวงจรปิดสังหาร 4 ทหารที่มายอ นายกฯเล็งทำทีวียาวีสื่อสารความเข้าใจ
ใต้เดือดรายวัน คนร้าย 15 คนควบกระบะรัวกระสุนถล่มทหารขณะเดินทางกลับฐานที่มายอ จ.ปัตตานี ต่อหน้ากล้องวงจรปิด กำลังพลสังเวย 4 ศพ ขณะที่ 2 วันก่อนหน้าทหารพรานดวลปืนกลุ่มติดอาวุธอีก 2 จุด "บันนังสตา-รือเสาะ" นาวิกโยธินบุกยึดอุปกรณ์ระเบิดล็อตใหญ่ที่นราฯ ประกอบบึ้มได้ถึง 16 ลูก ตำรวจบุกค้น 18 จุดเจอคลิปคาร์บอมบ์รามัน นายกฯยังไม่พูดเมื่อไหร่ลงใต้ ปิ๊งไอเดียทำทีวีภาษายาวีหวังสื่อสารความเข้าใจ
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงตึงเครียดต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมเป็นต้นมา โดยล่าสุดได้เกิดเหตุคนร้ายนับสิบใช้อาวุธสงครามยิงถล่มและปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี จนฝ่ายทหารต้องสูญเสียถึง 4 นาย ทั้งๆ ที่เพิ่งเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้ตำรวจพลีชีพในคราวเดียวถึง 5 นายเมื่อ 3 วันก่อนหน้า
เมื่อเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 28 ก.ค.2555 เกิดเหตุคนร้ายมีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 15322 (ร้อย.ร.15321) หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 จนเกิดการยิงปะทะกันนานหลายนาที บนทางหลวงหมายเลข 4061 มายอ–ปาลัส ท้องที่บ้านดูวา หมู่ 3 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี ทำให้ฝ่ายทหารเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 4 นาย และได้รับบาดเจ็บ 2 นาย
รายชื่อทหารที่เสียชีวิต ประกอบด้วย ส.อ.ลือชัย จุลทอง พลทหารเอกรัตน์ สีดอกไม้ พลทหารภาคิน หงษ์มาก และ พลทหารเบญจรงค์ ศรีแก้ว ส่วนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บได้แก่ ส.อ.ปรีดา นพคุณ และ พลทหารอาคม ชูกล่อม
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า เจ้าหน้าที่ทหารชุดที่ถูกโจมตีมีกำลังพล 6 นาย กำลังเดินทางกลับฐานปฏิบัติการที่โรงเรียนบ้านกระหวะ หมู่ 3 ต.กระหวะ อ.มายอ โดยใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายซึ่งมีประมาณ 15 คน มีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่จนเกิดการยิงปะทะกัน จนฝ่ายทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนเอ็ม 16 ของทหารจำนวน 4 กระบอกหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนร้ายกลุ่มนี้ก่อเหตุอย่างอุกอาจ เนื่องจากบริเวณที่ยิงปะทะกันมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ของทางราชการติดตั้งอยู่หลายตัว และแต่ละตัวสามารถบันทึกภาพคนร้ายเอาไว้ได้อย่างชัดเจน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจจุดเกิดเหตุ เชื่อว่าคนร้ายทราบอยู่แล้วว่ามีกล้องซีซีทีวีอยู่บริเวณนั้น แต่ก็ไม่เกรงกลัว ซ้ำยังปฏิบัติการยิงทหารต่อหน้ากล้องเหมือนต้องการโชว์ศักยภาพ
อนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมในปีนี้ ได้เกิดเหตุรุนแรงขนาดใหญ่ขึ้นแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกคือเช้าตรู่วันศุกร์ที่ 20 ก.ค.เกิดเหตุคาร์บอมบ์กลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย
จากนั้นวันพุธที่ 25 ก.ค. เกิดคาร์บอมบ์ขึ้นอีก 1 ครั้งในท้องที่ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของสถานียุทธศาสตร์วังพญา สภ.ท่าธง อ.รามัน เสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย และล่าสุดคือวันเสาร์ที่ 28 ก.ค. เกิดเหตุคนร้ายดักโจมตีทหารที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี ทำให้กำลังพลพลีชีพอีก 4 นายดังกล่าว
ยิงสามีภรรยาดับ 1 เจ็บ 1 – สังหารผู้เฒ่า – ดักซัลโวทหารพลาดเป้า
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ก.ค.เวลา 02.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้ายิง นางแวเชาะ ดอเลาะ อายุ 17 ปี เสียชีวิต และ นายวาฮับ ดอเลาะ อายุ 19 ปี ได้รับบาดเจ็บ โดยทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน อยู่บ้านเลขที่ 66 บ้านคลองช้างออก หมู่ 7 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เหตุเกิดขณะทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ท้องที่หมู่ 2 บ้านชะเมา ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ เพื่อไปเยี่ยมลูกที่ป่วยและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
เวลา 05.00 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดยิง นายอารง เจ๊ะมาแต อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/1 บ้านจือโร๊ะ หมู่ 6 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดในพื้นที่บ้านจือโร๊ะ ขณะที่นายอารงกำลังเดินทางไปละหมาดที่มัสยิด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น เพราะบุตรชายของนายอารงกำลังเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน
เวลา 17.10 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง จ.ส.อ.ชำนาญ จันทร์ประดับ อายุ 53 ปี สังกัดกองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน 1) ช่วยราชการหน่วยเฉพาะกิจสงขลา อยู่บ้านเลขที่ 122/1 บ้านหัวควน หมู่ 6 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แต่กระสุนพลาดเป้า ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ จ.ส.อ.ชำนาญ กำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนเลียบคลองชลประทาน บ้านหัวควน มุ่งหน้าไปบ้านภรรยา โดยขณะที่คนร้ายจะตามไปยิงซ้ำ มีรถทหารของหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 แล่นผ่านมา ทำให้คนร้ายเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ทหารพรานปะทะกลุ่มติดอาวุธดวลปืนสนั่น
ส่วนที่ จ.นราธิวาส ช่วงเช้าวันเดียวกัน ขณะที่กำลังพลของกองร้อยทหารพรานที่ 4902 (ร้อย.ทพ.4902) จำนวน 10 นาย ได้ออกลาดตระเวนเดินเท้ารอบฐานปฏิบัติการ ที่บ้านเปาะรามะ หมู่ 2 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ได้พบกลุ่มชายฉกรรจ์ติดอาวุธ 3-4 คน จึงเกิดการยิงปะทะกันนาน 10 นาที จากนั้นกลุ่มติดอาวุธได้ล่าถอยไป โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 หลบหนีไปทางทิศใต้ของบ้านมือและห์ หมู่ 1 ต.สาวอ และได้ยิงปะทะกับชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ที่มีรถหุ้มเกราะรีว่า (REVA) เป็นพาหนะ ฝ่ายทหารปลอดภัย ส่วนฝ่ายกลุ่มติดอาวุธยังไม่ทราบความสูญเสีย
กลุ่มที่ 2 ได้หลบหนีไปทางทิศเหนือของบ้านมือและห์ ต.สาวอ และปะทะกับชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านไทยพุทธ ยังไม่ทราบความสูญเสียเช่นกัน
ต่อมา หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้สนธิกำลังเข้าช่วยเหลือ โดยได้ปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง พร้อมประสานให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดทุกเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มติดอาวุธใช้ในการหลบหนี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าชายฉกรรจ์ติดอาวุธทั้งหมดเป็นฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบ
บันนังสตาระอุ! ยิงชาวบ้านหาของป่าดับ 2 – ปะทะเดือด ชรบ.สังเวย
เที่ยงวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้าและลูกซองดักยิง นายเซ่ง ช่างคิด อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 2 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และ นายกิตติศักดิ์ สำอางศรี อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144 หมู่ 2 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา เหตุเกิดบริเวณใกล้ปากทางเข้าหมู่บ้าน กม.26 หมู่ 2 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ ขณะที่ทั้งสองกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากหาของป่า กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่ อ.บันนังสตา เช่นกัน เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4111 กรมทหารพรานที่ 41 ได้เปิดฉากยิงปะทะกับกลุ่มคนร้ายในพื้นที่บ้านอาบูเก๊ะ หมู่ 1 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้ นายอสุนี ดวงแก้ว ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา เสียชีวิต และ นายสมหมาย มนสุขราช ชรบ.ในพื้นที่ อ.ธารโต ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดย ชรบ.ทั้ง 2 คนทำหน้าที่นำทางให้กับทหารพรานเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ หลังรับแจ้งมีการรวมตัวเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายอับดุลเลาะ เจ๊ะตีแม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 7 ต.ปะแต อ.ยะหา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่นายอับดุลเลาะกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสันติราษฎร์ ในเขตเทศบาลตำบลยะหา เพื่อกลับบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ปัตตานีอีกแล้ว...ลอบเผากล้องวงจรปิดพังอีก 7 ตัว
ช่วงกลางดึกคืนวันพุธที่ 25 ก.ค.ต่อเนื่องวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ค. คนร้ายได้ใช้ยางล้อรถจักรยานยนต์แขวนไว้ที่กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ก่อนราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผา เพื่อหวังผลทำลายกล้องซีซีทีวีบริเวณปากทางเข้าโรงพยาบาลหนองจิก, บริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ และหน้าสำนักงานเกษตรอำเภอหนองจิก ทั้งหมดตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ช่วงปัตตานี-หนองจิก ท้องที่บ้านตุยง ในเขตเทศบาลตำบลหนองจิก จ.ปัตตานี ทำให้กล้องได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 7 ตัว เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส เวลา 18.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายจรัญ ณ ราย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170/2 หมู่ 4 ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส กระสุนถูกบริเวณหัวไหล่ขวาและลำคอ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่นายจรัญกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่ในพื้นที่บ้านกาเสาะ หมู่ 7 ต.ลำภู มุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
เปิดสถิติเผากล้องวงจรปิด – ปัตตานีอ่วม 6 ครั้ง 145 ตัว
อนึ่ง ในพื้นที่ จ.ปัตตานี เกิดเหตุการณ์ลอบเผาทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2554 คนร้ายออกตระเวนทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่ อ.สายบุรี ทำให้กล้องเสียหาย 29 ตัว จากนั้นวันที่ 5 ก.ย.คนร้ายไม่ทราบจำนวนออกปฏิบัติการก่อกวนทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง ทำให้กล้องได้รับความเสียหาย 48 ตัว
ต่อมาวันที่ 28 ก.ย.คนร้ายไม่ทราบจำนวนตระเวนลอบวางเพลิงกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งติดตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ท้องที่บ้านปูโป๊ะ หมู่ 9 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้กล้องเสียหายอีก 29 ตัว วันพุธที่ 7 ธ.ค.คนร้ายลอบเผากล้องโทรทัศน์วงจรปิด 16 ตัว ในท้องที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
จากนั้นวันศุกร์ที่ 17 ก.พ.2555 คนร้ายกระจายกันเผาทำลายกล้อง 16 ตัว และล่าสุดเมื่อคืนวันพุธที่ 25 ก.ค.เผากล้องและอุปกรณ์บันทึกภาพไปอีก 7 ชุด รวม 6 ครั้งมีกล้องถูกเผาทำลายไปแล้วอย่างน้อย 145 ตัว
นอกจากนั้น เมื่อวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.2555 เวลา 03.30 น.ยังเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบเผาทำลายชุมสายโทรศัพท์และกล้องโทรทัศน์วงจรปิด 25 จุดในพื้นที่ อ.รามัน และ อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้กล้องได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 42 ตัว โดยในคืนเดียวกันยังก่อเหตุที่ ต.ยี่งอ ต.ละหาร และ ต.ลูโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ทำให้กล้องได้รับความเสียหายอีก 5 ตัว
นาวิกฯยึดอุปกรณ์ระเบิดล็อตใหญ่เตรียมถล่มนราฯ
ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส วันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ค. น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผู้บังคับหน่วยนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส และ พ.ต.ท.ธนาธิป โสภาพ สารวัตร สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ ได้สนธิกำลังจำนวน 50 นายเข้าตรวจค้นทุ่งนาร้างชายป่าหลังหมู่บ้านปะลุกาสาเมาะ หมู่ 6 ต.ปะลุกาสามเมาะ หลังสืบทราบว่า นายอับดุลเลาะ โล๊ะมะ แกนนำกลุ่มติดอาวุธและพวกจะแฝงตัวเข้าพื้นที่เพื่อประกอบระเบิดส่งให้กลุ่มแนวร่วมใน 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส เพื่อก่อเหตุใหญ่ในช่วง 2-3 วันนี้
จากการตรวจค้น พบกระสอบปุ๋ยสีขาว 15 กระสอบถูกซุกไว้ในกอหญ้ารกทึบ โดยกลุ่มคนร้ายใช้ผ้าสีขาวผูกไว้เป็นสัญลักษณ์ เมื่อแกะออกดูพบอุปกรณ์ประกอบระเบิด 4 ส่วน ได้แก่ 1.ถังแก๊สและถังดับเพลิง 11 ถัง สามารถบรรจุดินระเบิดได้ถังละ 20 กิโลกรัม 2.เหล็กเส้นตัดท่อนและลูกปรายที่ใช้เป็นสะเก็ดระเบิด 3.อุปกรณ์จุดชนวนระเบิด เช่น สายไฟ วงจรอิเลคทรอนิกส์ แบตเตอรี่ และ 4.เหล็กแผ่นที่ใช้ประกอบเป็นกล่องบรรจุระเบิด 27 แผ่น
ทั้งนี้ จากอุปกรณ์ทั้งหมดสามารถประกอบระเบิดได้ 16 ลูก เป็นระเบิดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม 5 ลูก และระเบิดน้ำหนัก 20 กิโลกรัมอีก 11 ลูก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไปตรวจสอบและหาลายนิ้วมือแฝงเป็นหลักฐานต่อไป
ค้น 18 จุดเจอคลิปมือถือโยงคาร์บอมบ์
ด้านความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุระเบิด "คาร์บอมบ์" ในท้องที่ ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าธง อ.รามัน เสียชีวิตถึง 5 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย เมื่อวันพุธที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
หลังเกิดเหตุ 1 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์สืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (บก.ภ.จว.ยะลา) ได้สนธิกำลังปูพรมตรวจค้น 18 เป้าหมาย เพื่อหาตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งเชื่อว่ายังกบดานอยู่ในพื้นที่
จากการตรวจค้นหนึ่งในบ้านเป้าหมาย เลขที่ 48/2 หมู่ 7 ต.วังพญา อ.รามัน ซึ่งเป็นบ้านของ นายกามัน ไชยชนะ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่พบคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือ เป็นภาพถ่ายเหตุการณ์หลังเกิดคาร์บอมบ์ จึงได้ยึดเอาไว้เพื่อตรวจสอบถึงจุดประสงค์ในการถ่ายภาพ
นอกจากนั้น จากการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ก่อนเกิดระเบิด มีรถกระบะสี่ประตูขับตามรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาห่างๆ เมื่อรถของตำรวจถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ รถกระบะคันดังกล่าวก็พุ่งเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คน สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ได้กระโดดลงจากรถเพื่อเข้าไปชิงอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก และอาวุธปืนพก 2 กระบอก รวมทั้งเสื้อเกราะของเจ้าหน้าที่อีก 3 ตัวแล้วขึ้นรถหลบหนีไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ซึ่งเพิ่งได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนต่อไป ได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจจุดเกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพตำรวจที่เสียชีวิต ก่อนส่งศพกลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนาด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า หากดูตัวเลขของจำนวนเหตุการณ์จะพบว่ายังไม่ลดลงมากเท่าไหร่ โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้เน้นย้ำเรื่องของคดีต่างๆ ที่จะต้องติดตาม เพราะส่วนใหญ่ก็พอจะทราบว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด และเชื่อว่ายังคงเป็นกลุ่มเดิมๆ ซึ่งจะมีการปรับการทำงานเชิงรุกของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ต่อไป
"ยิ่งลักษณ์"ปิ๊งไอเดียทำทีวีภาษายาวีหวังสื่อสารความเข้าใจ
ช่วงปลายสัปดาห์ที่สถานการณ์ไฟใต้ร้อนระอุ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับปัญหานี้ 2 ครั้ง แต่ไม่ได้พูดถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง
ในวันศุกร์ที่ 27 ก.ค. นายกฯตอบคำถามของผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุของการเกิดเหตุรุนแรงถี่ยิบในช่วงนี้ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลรอมฎอน สิ่งที่เป็นรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ในเชิงลึก คงต้องขออนุญาตว่าเป็นเรื่องของความมั่นคง แต่เราคงต้องนำข้อมูลต่างๆ ไปวิเคราะห์ เบื้องต้นเราได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัย รวมทั้งต้องเร่งทำความเข้าใจในระยะยาว การดูแลป้องกันต้องทำไปควบคู่กับการพัฒนาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตหรือการสื่อสารทำความเข้าใจ เพื่อให้คนที่อยู่ในพื้นที่มีความรู้สึกที่ดี เพราะบางครั้งหลายคนที่อยู่ในสามจังหวัดอาจจะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย มีความกังวล โดยรัฐบาลคงต้องเข้าไปทำหน้าที่นี้ และได้ฝากย้ำเรื่องนี้ไปยังศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวซักถึงสถานการณ์ในพื้นที่ นายกฯ ปฏิเสธที่จะตอบ โดยบอกว่า ขออนุญาตไม่วิเคราะห์ลงไปเชิงลึก ให้เป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคง เพราะข้อมูลต่างๆ ไม่อยาพูดไปเยอะ เพราะเกรงว่าไม่เป็นผลดี ขอให้เจ้าหน้าที่ลงไปทำงานดีกว่า เร่งทำงานให้เกิดความสงบมากกว่า
ก่อนหน้านั้น ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ค. นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า เบื้องต้นได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์ จึงได้กำชับ ผบ.ทบ.ที่ได้ลงพื้นที่ โดยให้ดูแลความมั่นคงเพิ่มเติม เพราะต้องนำข้อมูลทั้งหมดไปวิเคราะห์
ขณะเดียวกันก็ต้องเริ่มเสริมสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่นอกจากการดูแลความปลอดภัย โดยการเสริมสร้างความเข้าใจเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญและหาช่องทาง อาทิเช่น ทางด้านของทีวีหรือการสื่อสารให้เป็นภาษายาวี เพื่อจะได้ถ่ายทอดความเข้าใจ รวมถึงการทำงานด้านพัฒนาและความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วย ซึ่งต้องทำควบคู่กันไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ทหารพรานตั้งด่านคุมเข้มในพื้นที่ล่อแหลมของ จ.ยะลา ภายหลังคนร้ายใช้คาร์บอมบ์โจมตีกำลังพลของตำรวจเสียชีวิตถึง 5 นายที่ อ.รามัน (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
