ครม.เทเพิ่ม 391 ล้านแก้ใต้ ปูดงบ กอ.รมน. ดูแลพื้นที่ปีละพันล้าน! ป่วนอีกบึ้ม-ยิง จนท.
ครม.อนุมัติงบกลางสำรองจ่ายฉุกเฉิน 391 ล้านให้ กอ.รมน.ใช้ดูแลสิทธิกำลังพล-จัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นกับการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิด นายกฯเพิ่งตื่นสั่ง "เฉลิม-สุรนันทน์" ประสาน สมช.วิเคราะห์ปัญหา-ฟื้นสันติสุข ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ กำลังพลยังคงตกเป็นเป้า บึ้ม ตชด.เจ็บ 4 จ่อยิงทหารพรานดับ 2 ระเบิดชุด รปภ.ตลาดเจ็บ 1 ตามรวบ 3 ผู้ต้องสงสัยร่วมทีมฆ่าทหารที่มายอ
นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.สัญจร) ที่ จ.สุรินทร์ เมื่อวันจันทร์ที่ 30 ก.ค.2555 ว่า ครม.ได้อนุมัติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ในหมวดงบกลาง ในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 391,524,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสิทธิกำลังพลและอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติ ภารกิจของ กอ.รมน.โดยให้ กอ.รมน.ทำความตกลงในรายละเอียดการใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณต่อไป
นอกจากนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กับ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมงานกัน โดยแจ้งให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อหาวิธีป้องกันแก้ไขเพื่อนำจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับสู่ความสันติสุข เน้นการสื่อสารกับประชาชน
เร่งปรับเกณฑ์เยียวยา-เพิ่มวันหยุดคริสต์มาส
นางสาวศันสนีย์ แถลงต่อว่า ครม.ยังเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 3/2555 ให้หน่วยราชการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจากเหตุการณ์ความไม่สงบ พร้อมขอรับการจัดสรรงบประมาณจากงบกลาง ปี พ.ศ.2555-2558 เพื่อพัฒนาสร้างความเข้มแข็งให้กองกำลังประจำท้องถิ่น (อส.-อาสารักษาดินแดน) และกองกำลังภาคประชาชน
นอกจากนั้นให้ปรับปรุงการจ่ายเงินยังชีพรายเดือนแก่ผู้พิการที่ได้รับผล กระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ และเพิ่มวันหยุดราชการ คือ วันคริสต์มาส จากที่เคยเพิ่มวันตรุษจีน และวันตรุษอีดิ้ลฟิตรี (รายอปอซอ หรือวันเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนแห่งการถือศีลอด)
สื่ออย่าถามรายวัน-ชาวบ้านอย่าตระหนก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเพิ่มเติมว่า ก่อนการประชุม ครม.หน่วยงานด้านความมั่นคงชี้แจงว่าไม่อยากให้มีการเสนอหรือเผยแพร่คลิปที่ทหารถูกทำร้าย หรือมีการถามเป็นครั้งๆ ที่เกิดเหตุรุนแรง เช่น เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ก็มีการถามว่าจะมีมาตรการตอบโต้อย่างไร หรือรัฐบาลจะว่าอย่างไร แต่อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงว่ามีแผนยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม
ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการ สมช. ชี้แจงในที่ประชุมว่า มีมาตรการดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ หมู่บ้านที่เคยเป็นกลุ่มอิทธิพลตอนนี้ก็ไม่ขยายตัวเพิ่มเติมแล้วและเริ่มลดลง รวมทั้งมีการดูแลศาสนสถาน พระ ตลอดจนครูอาจารย์ในพื้นที่เป็นอย่างดี
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา คือต้องมีการข่าวที่ดี แม่นยำ มีมาตรการเฝ้าระวังสูงขึ้น และดำเนินยุทธศาสตร์ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยมีการกำหนดจุดตรวจในเมือง ซึ่งต้องทำ 3 ชั้น คือ ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก พัฒนากล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ให้มากกว่าแค่มีไว้ดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไร แต่จะต้องใช้สอบสวนเชิงลึกให้ได้ และต่อไปจะต้องเพิ่มจำนวนกล้องจนโจรไม่สามารถรู้ว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ที่ใด
"ในช่วงนี้เป็นช่วงรอมฎอม มีการปลุกระดมในแนวทางที่ผิดว่าใครทำอะไรในช่วงนี้หากตายไปจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง หน่วยงานความมั่นคงตอนนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อยากให้สื่อมวลชนและประชาชนตื่นตระหนกมากเกินไป" นายอนุสรณ์ ระบุ
ใช้กำลังตำรวจเสริมภารกิจดับไฟใต้
ขณะที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะให้ตำรวจร่วมมือกับ สมช.ศึกษาปัญหาความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทุกอย่างยังคงเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายของ สมช. ที่มีการเสนอไว้ต่อรัฐสภาดังเดิม
ส่วนในรายละเอียดของการปฏิบัตินั้น จะไปทำงานร่วมกันในฐานะที่จะไปกำกับดูแลในส่วนของตำรวจ และได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ลงไปช่วยทำงานกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงอีกทางหนึ่ง
ชำแหละสัดส่วนงบ รปภ.สูง 24%
การเพิ่มงบสำรองจ่ายฉุกเฉินให้กับ กอ.รมน.ตามมติ ครม.ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ยิงทหารเสียชีวิต 4 นายที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตลอด 10 วันตั้งแต่เริ่มเดือนรอมฎอน มีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นแล้วถึง 4 ครั้ง ทั้งเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย เมื่อวันที่ 20 ก.ค. เหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 5 นาย เมื่อวันที่ 25 ก.ค. เหตุการณ์รุมยิงทหารเสียชีวิต 4 นายที่ อ.มายอ และเหตุลอบวางระเบิดที่ อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ค. มีตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า การจัดงบประมาณของ กอ.รมน.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ให้น้ำหนักกับภารกิจเสริมสร้างความปลอดภัยในสัดส่วนสูงที่สุดอยู่แล้ว โดยจัดงบให้ถึง 1,040 ล้านบาท จากยอดงบประมาณรวมตามนโยบายการบริหารและการพัฒนา 9 ด้าน จำนวน 4,316 ล้านบาท ซึ่งงบสำหรับภารกิจเสริมสร้างความปลอดภัยคิดเป็น 24% ของงบประมาณทั้งหมด ส่วนงบที่เหลือกระจายอยู่ใน 8 ยุทธศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานด้านเสริมสร้างความเข้าใจ เสริมสร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์ที่ถูกต้อง การพูดคุยสันติภาพ (มีงบประมาณเพียง 20 ล้านบาทเศษ) และการป้องกันเงื่อนไขใหม่ เป็นต้น
ส่วนงบสำหรับงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นงานหลักของยุทธศาสตร์เสริมสร้างความปลอดภัยนั้น มีงบประมาณรวมอยู่ที่ 765 ล้านบาท แยกเป็น งานสนับสนุน ชรบ. / อรม. (กองกำลังภาคประชาชน) 351.9 ล้านบาท (46%) เพิ่มขีดความสามารถเจ้าหน้าที่รัฐ 221 ล้านบาท (29.01%) งานด้านการข่าว 179 ล้านบาท (23.50%) งานป้องกัน 6 เมืองใหญ่ 6.2 ล้านบาท (0.82%) งานกดดันเป้าหมายสำคัญ 2.4 ล้านบาท (0.32%) งานสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่รัฐอื่น 1.9 ล้านบาท (0.26%) และงานรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ 0.7 ล้านบาท (0.09%)
ลอบบึ้มทหารรปภ.ตลาดเจ็บ 1
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 14.50 น.วันจันทร์ที่ 30 ก.ค. ร.ต.ท.ภราดร โคตรทัศน์ ร้อยเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิดบริเวณหน้าร้านขายน้ำชาของ นายอัมพันธ์ วีระญาณพันธ์ เลขที่ 135/1 ถนนเพชรเกษม ในเขตเทศบาลตำบลบาเจาะ โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจาก สภ.บาเจาะ เพียง 200 เมตร จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบทหารที่ได้รับบาดเจ็บเพราะแรงอัดระเบิดนั่งนิ่งอยู่ริมบาทวิถี มีเลือดไหลโทรมกาย ทราบชื่อคือ พลทหารวิจิตร คงพล อายุ 22 ปี สังกัดกองร้อยปืนเล็กที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 กองทัพเรือ เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลบาเจาะเป็นการด่วน
จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพบว่า ห้องแถวไม้ชั้นเดียวที่อยู่ใกล้กับจุดที่เกิดระเบิดได้รับความเสียหาย กระถางต้นไม้มีร่องรอยถูกแรงระเบิดแสวงเครื่องจนแหลกละเอียด คาดว่าคนร้ายประกอบระเบิดใส่ไว้ในกล่องเหล็ก น้ำหนัก 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ แล้วนำไปวางไว้ที่กระถางต้นไม้ใกล้กับร้านน้ำชา ก่อนกดจุดชนวนเพื่อทำร้ายทหารชุดรักษาความปลอดภัยตลาดนัดซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยให้กับประชาชนที่เลือกซื้ออาหาร
ยิงชาวบ้านยะหริ่งดับคาถนน
เวลา 16.00 น. พ.ต.อ.มานะ นาคคั่ง ผู้กำกับการ สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันตายบนถนนในหมู่บ้าน หมู่ 4 บ้านท่าด่าน ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบร่างผู้เสียชีวิตบริเวณข้างรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ หมายเลขทะเบียน กษค 506 ปัตตานี ทราบชื่อคือ นายตูแวรอเซ็ง ตูแวเด อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ 5 บ้านท่ากุน อ.ยะหริ่ง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด .38 เข้าที่บริเวณคอและศีรษะรวม 2 นัด เสียชีวิตคาที่
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายตูแวรอเซ็ง กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากซื้ออาหารเพื่อเตรียมละศีลอดในตอนเย็น เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนพกขนาด .38 ออกมายิงใส่จนนายตูแวรอเซ็งเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
จ่อยิงทหารพรานเจาะไอร้องดับ 2
เวลา 16.50 น. พ.ต.อ.ประยงค์ โคตรสาขา ผู้กำกับการ สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงทหารพรานได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย บนถนนจารุเสถียร (ช่วงสุไหงปาดี-เจาะไอร้อง) บริเวณหน้ามัสยิดบ้านบูเก๊ะตาโมง หมู่ 12 ต.บูกิต จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มคว่ำอยู่ริมถนน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส ไปก่อนแล้ว แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ ส.ท.อับดุลรอนิง สาวา และ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ซารีนี มะ สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4807 กรมทหารพรานที่ 48
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทหารพรานทั้ง 2 นายได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากฐานปฏิบัติการซึ่งตั้งอยู่ในที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บูกิต เพื่อไปประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิดร่วมกับชาวบ้าน เสร็จแล้วผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปหาซื้อเสบียงอาหารให้กับทหารที่เป็นมุสลิมเพื่อรับประทานในช่วงละศีลอด แต่ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนพกสั้นออกมาจ่อยิงใส่ทหารทั้ง 2 นายที่บริเวณศีรษะจนเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
วันเดียวกัน ศูนย์วิทยุ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งพบศพชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิตในสวนยางพาราบ้านคีรีลาด หมู่ 9 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จึงประสานส่งกำลังไปตรวจสอบ ทราบชื่อคือ นายอับดุลเลาะ มะแตอะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 281 หมู่ 9 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา สอบสวนทราบว่า นายอับดุลเลาะออกจากบ้านเพื่อไปกรีดยางพาราตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น จากนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลย ภรรยาจึงออกตามหาและพบสามีของตนถูกยิงเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
บึ้มใกล้จุดตรวจยะลา - ตชด.เจ็บ 4
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 19.55 น.วันอาทิตย์ที่ 29 ก.ค. คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระบะของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) บริเวณหน้าโชว์รูมบริษัทฮีโน่ มอเตอร์ (ศูนย์จำหน่ายรถยนต์) บนถนนสิโรรส ชุมชนตลาดเก่า ในเขตเทศบาลนครยะลา ห่างจากจุดตรวจขุนไว (จุดตรวจก่อนเข้าเมืองยะลาจากด้าน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี) ประมาณ 200 เมตร และห่างจากค่ายสิรินธรซึ่งเป็นที่ตั้งของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ประมาณ 600 เมตรเท่านั้น
ทั้งนี้ แรงระเบิดทำให้รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีเทา สภาพเก่า หมายเลขทะเบียน บจ 2724 ปัตตานี ได้รับความเสียหาย ยางแตก กระจกแตก และตัวถังเป็นรูพรุน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย ร.ต.ต.วสันต์ ไกรสีห์ อายุ 53 ปี หัวหน้าชุด ด.ต.อนิสร สะอาดอ้น อายุ 38 ปี ด.ต.รัศมี ฟุ่มเฟือย อายุ 51 ปี และ ส.ต.อ.วีรพันธ์ จันทร์ฟอง อายุ 35 ปี ทั้งหมดอาการไม่สาหัส
สอบสวนทราบว่า คนร้ายได้ลอบนำระเบิดน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ซุกไว้ในกระถางต้นไม้ข้างทาง โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ ตชด.ชุดดังกล่าว กำลังพล 6 นายได้ออกลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนในย่านตลาดเก่า โดยใช้รถกระบะเป็นพาหนะ เมื่อรถแล่นผ่านจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นปากซอยซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องชะลอรถ คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดขึ้น ทำให้ ตชด.ได้รับบาดเจ็บ 4 นายดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยิงรายวันเพียบ สังเวย 5 เจ็บ 1
วันเดียวกัน ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ เวลาประมาณ 02.00 น.คนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนยิง นายซาการียา ซาซู อายุ 45 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 62/1 บ้านวัด หมู่ 1 ต.วัด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิตขณะที่นายซาการียาขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในหมู่บ้านบาซาเวาะเซ็ง หมู่ 2 ต.ปิตูมุดี อ.ยะรัง เบืองต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองและอาก้าซุ่มยิง นายพีระวัฒน์ พิธกิจ อายุ 25 ปี และ นายยุทธนา มีชำนาญ อายุ 19 ปี ชาว ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบนถนนสายบ้านป่าสวย-บ้านคลองหิน อ.แม่ลาน ขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์จากตัวเมืองปัตตานีมุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่การสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
เวลา 21.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะสักรี เจะโสะ อายุ 46 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) หมู่ 3 บ้านเขาดิน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ทำให้นายมะสักรีเสียชีวิต เหตุเกิดขณะที่ผู้ตายกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากร้านน้ำชาที่บ้านปาเซปูเต๊ะ หมู่ 2 ต.ปากู มุ่งหน้ากลับบ้าน โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนพกของนายมะสักรีหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหารเช่นกัน
ส่วนที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบศพ นายฮาลียะห์ จินตารา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/1 บ้านสะปาเราะ หมู่ 5 ต.ยะหา หลังชาวบ้านพบถูกทิ้งอยู่ในสวนยางพาราในหมู่บ้านสะปาเราะ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดบริเวณลำคอ 2 นัดและแขนซ้าย 1 นัด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกขนาด .38 ยิง นายขุนไกร วิสาสูง อายุ 30 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 4 บ้านบาตัน ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่นายขุนไกรนอนพักผ่อนอยู่ในบ้นาของภรรยา เลขที่ 72 หมู่ 4 บ้านปอเยาะ ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ซุ่มยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรือเสาะสาหัส
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 05.30 น.วันเสาร์ที่ 28 ก.ค. ร.ต.ต.วันชัย รักบุญเมือง ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงในหมู่บ้านยะบะ หมู่ 2 ต.รือเสาะ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มคว่ำอยู่ริมถนน ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 3 ปลอกตกอยู่ในพุ่มไม้รกทึบริมทาง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรือเสาะแล้ว ทราบชื่อคือ นายอัมรัน สาเมาะ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 231/1 หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยะบะ มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนเอ็ม 16 อาการสาหัส
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอัมรัน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านตามลำพังเพื่อไปทำพิธีละหมาดที่มัสยิดในช่วงเดือนรอมฎอน หลังจากเสร็จพิธีได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่า ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ปิดล้อมตรวจค้นรวบ 3 ผู้ต้องสงสัย
ด้านความคืบหน้าเหตุคนร้ายเกือบ 20 คนมีรถกระบะ 3 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามรุมยิงทหารเสียชีวิต 4 นายในท้องที่ อ.มายอ จ.ปัตตานีนั้น หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) ได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุในรัศมี 500 เมตร พร้อมทั้งบุกเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายที่อยู่ในเครือข่ายกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบ เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายน่าจะยังซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ เบื้องต้นสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 คน ทั้งหมดอาศัยอยู่ที่ ต.น้ำใส อ.มายอ โดยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่นำมาใช้จับกุม คือภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
พล.ท อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุมุ่งลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะการลาดตระเวนบนถนน ที่ผ่านมาทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้รุกคืบอย่างต่อเนื่อง กลุ่มคนร้ายจึงพยายามแสดงอำนาจเพื่อโต้ตอบ ฉะนั้นจึงต้องปรับยุทธวิธีในการลาดตระเวนบนถนน เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย
"ภารกิจที่ทหารทำอยู่ในที่โล่ง ในที่สว่าง จึงมีอันตราย ส่วนการกระทำของคนร้ายเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และพยายามทำกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ เช่น ในตลาดนัด โรงเรียน เส้นทางสัญจรไปมา ดังนั้นจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย และจะติดตามจังบกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 กราฟฟิกแสดงสัดส่วนงบรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินในภารกิจดับไฟใต้ที่รับผิดชอบโดย กอ.รมน.
2 สภาพรถกระบะของ ตชด.ได้รับความเสียหายหลังถูกลอบวางระเบิดใกล้จุดตรวจ อ.เมืองยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ :
1 ฝ่ายศิลป์ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เอื้อเฟื้อกราฟฟิกแสดงสัดส่วนงบประมาณ
2 เนื้อหาข่าวบางส่วนจากสำนักข่าวเนชั่น
