จำชื่อเธอไว้! “มิสซี่ แฟรงคลิน” เงือกสาวสหรัฐ จอมทำลายสถิติคนต่อไป
ก่อนการแข่งขันโอลิมปิก 2012 จะเริ่มขึ้น คนจำนวนไม่น้อยอาจจดจำภาพ “มิสซี่ แฟรงคลิน” (Missy Franklin) หรือเมลิสซ่า เจเน็ตต์ แฟรงคลิน ฉลามสาว วัย 17 จากการรับบทนำในเอ็มวี “Call Me Maybe” ซึ่งทีมว่ายน้ำสหรัฐอเมริกา ร่วมกันแสดงในเพลงสุดฮิตของ Carly Rae Jepson นักร้องสาวชาวแคนาดา
โดยเฉพาะฉากที่เธอพร้อมเพื่อนสาวหน้าจิ้มลิ้มร่างบึกบึนอีก 3 คน โยกย้ายตามจังหวะของเสียงเพลงบนเครื่องบิน (คลิกเพื่อดูเอ็มวี)
เอ็มวีดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง Team Spirit และความน่ารักของทีมเงือกหนุ่มสาวแดนมะกัน ด้วยบรรยากาศราวกับเพื่อนๆ ม.ปลาย ถ่ายโฮมวีดีโอเล่นกันเอง
ไม่แปลกที่หลังอัพไว้บนยูทูป ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. ถึงวันนี้ผ่านมาเพียง 10 วัน จะมีคนคลิกไปดูแล้วกว่า 4.7 ล้านคลิก หรือเฉลี่ยนาทีละ 326 คลิก!
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ติดตามข่าวในแวดวงกีฬาว่ายน้ำ จะรู้ว่าสาวลูกครึ่งอเมริกัน-แคนาเดี้ยนคนนี้ ถูกจับตามาแต่ต้น เพราะเป็นนักว่ายน้ำสาวคนแรกของสหรัฐฯ ที่ลงแข่งขันถึง 7 รายการ ในโอลิมปิกเพียงครั้งเดียว
ทั้งในรายการ ฟรีสไตล์ 100 เมตรหญิง, ฟรีสไตล์ 200 เมตรหญิง, กรรเชียง 100 เมตรหญิง, กรรเชียง 200 เมตรหญิง, ผลัดฟรีสไตล์ 4x100 เมตรหญิง, ผลัดฟรีสไตล์ 4x200 เมตรหญิง และผลัดผสม 4x100 เมตรหญิง
แม้ท้ายสุดจะคว้าเหรียญมาได้เพียง 4 รายการ คือ "3 เหรียญทอง" จากกรรเชียง 100 เมตรหญิง, กรรเชียง 200 เมตรหญิง, ฟรีสไตล์ผลัด 4x200 เมตรหญิง และ "1 เหรียญทองแดง" จากผลัดฟรีสไตล์ 4x100 เมตรหญิง
แต่เธอก็ได้มีชื่ออยู่ในหน้าประวัติศาสตร์แล้วว่า เป็นผู้หญิงที่ว่ายน้ำถอยหลัง (ท่ากรรเชียง) เร็วที่สุดในโลก หลังทำลายสถิติโลก ในระยะ 200 เมตร ด้วยเวที 2.04.06 นาที แม้การว่ายของเธอจะไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่า “อี้ ฉี เหวิน” (Ye Shewin) เด็ก ม.ปลายโลกตะลึง นักว่ายน้ำจากจีน วัย 16 ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิก จากรายการเดี่ยวผสม 400 เมตรหญิง ด้วยจ้ำแซงคู่แข่งเข้าเส้นชัยในช่วงโค้งสุดท้าย ..ขณะที่มิสซี่นำแบบม้วนเดียวจบ !
และแม้จำนวนเหรียญที่ได้จะยังห่างจาก “ตำนาน” อย่าง “ไมเคิ่ล เฟลป์ส" (Michael Phelps) นักว่ายน้ำชายสหรัฐฯ ที่โกยเหรียญโอลิมปิกไปมากที่สุดนับแต่มีการแข่งขันมา รวม 21 เหรียญ (เหรียญทอง 17 เหรียญ, เหรียญเงิน 2 เหรียญ และเหรียญทองแดง 2 เหรียญ)
ทว่าด้วยวัยเพียง 17 ปี พร้อมสรีระโดดเด่น ด้วยความสูงถึง 6 ฟุต 1 นิ้ว และมีช่วงแขนกว้างถึง 76 นิ้ว หากรักษาฟอร์มดีๆ มิสซี่จะลงแข่งโอลิมปิกได้อีกอย่างน้อย 3 ครั้ง มีโอกาสได้ลุ้นเหรียญโอลิมปิก ให้มากกว่าที่เฟลป์ส หรือกระทั่งไอดอลของเธอ อย่าง “นาตาลี คัฟลิ่น” (Natalie Coughlin) นักว่ายน้ำสหรัฐฯ ราชินีสระคลอรีนรุ่นก่อน ทำไว้ที่ 12 เหรียญ
ไบรอัน ไบรยเกอร์ (Brian Braiker) ผู้สื่อข่าว นสพ.เดอะการ์เดี้ยน ถึงกับเขียนยกย่องเธอไว้ว่า อย่านำมิสซี่ไปเปรียบว่าเป็น “ไมเคิ่ล เฟลป์สคนต่อไป” หรือ “นาตาลี คัฟลิ่นคนต่อไป” แต่ให้พูดถึงเธอว่าเป็น “มิสซี่ แฟรงคลินคนแรก” (ที่จะต้องมีมิสซี่ แฟรงคลินคนต่อๆ ไป) ต่างหาก !
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ทั่วไป พรสวรรค์อย่างเดียว ไม่พอให้มิสซี่มาถึงจุดนี้ เพราะชีวิตแต่ละวันของเธอวนเวียนอยู่กับตารางการฝึกซ้อมที่แสนจะเคร่งครัด ตื่นนอนตีสี่ครึ่ง ซ้อมในสระตั้งแต่ตีห้าถึงหกโมงครึ่ง จากนั้นไปเรียนกระทั่งถึงบ่ายสองครึ่ง ซ้อมบนบกอีก 1 ชั่วโมง ก่อนจะซ้อมในสระอีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ทานอาหารเย็นและทำการบ้าน ก่อนจะเข้านอนราวสี่ทุ่ม
มิสซี่ต้องซ้อมโดยมีชื่อ "ท็อดด์ ชมิตซ์" (Todd Schmitz) คอยให้คำแนะนำตั้งแต่ 7 ขวบ โดยสิ่งที่มิสซี่มีโดดเด่นเหนือเพื่อนๆ ในชั้นเดียวกัน คือรูปร่างที่ “ยาวกว่าคนอื่นราว 6 นิ้ว” ขณะที่พ่อของมิสซี่ก็แซวลูกสาวตัวเองว่า เหมือนมี “Bulit-In Flipper” (ครีบตามธรรมชาติ)
อีกมิติที่ควรรู้เกี่ยวกับ “มิสซี่ แฟรงคลิน คนแรก” คือทุกวันนี้เธอฝึกซ้อมยู่ในเมืองออโรร่า รัฐโคโรลาโด เมืองซึ่งเพิ่งเกิดเหตุสลดเมื่อคนร้ายกราดยิงปืนในโรงภาพยนตร์ระหว่างฉายภาพยนตร์เรืองแบทแมน เมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน และได้บาดเจ็บอีก 58 คน
ก่อนมายังกรุงลอนดอน เธอจึงทวีตข้อความว่า “The only thing I can do [at] the Olympics is hopefully make Colorado proud and find a little bit of light." (สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ที่โอลิมปิกคือทำให้คนในเมืองโคโรลาโดภูมิใจพร้อมจุดประกายไฟเล็กๆขึ้นมา)
ถึงวันนี้ “3 เหรียญทอง-1 เหรียญทองแดง” จากลอนดอนเกมส์ น่าจะจุดอะไรบางอย่างให้กับเมืองออโรร่า น่ามากกว่า “ประกายไฟเล็กๆ (little bit of light)” เสียแล้ว
