'จุติ'บอกอาชีพพริตตี้เป็นสิทธิตามรธน. ขออย่าใจแคบ
“จุติ”บอกอาชีพพริตตี้เป็นสิทธิตามรธน. ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ขออย่าใจแคบ “จุติ” โวยชาวเน็ตอ่านไม่จบ หลังโพสต์เฟซบุ๊ก “ผู้หญิงมีดีเอ็นเอแม่และเมีย” หวังอยากเห็นในสภาไทยมีผู้หญิงมากขึ้น
เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงนโยบายของกระทรวงถึงการประอาชีพพริตตี้ในกลุ่มวัยรุ่น ภายหลังมีพริตตี้เสียชีวิตว่า ได้ให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนไปพิจารณา เนื่องจากเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี อยู่ในความดูแลของกรมนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นสิทธิของบุคคลในการประกอบอาชีพภายใต้รัฐธรรมนูญ ตราบใดที่เข้าไม่ทำผิดกฎหมายก็ไม่มีใครไปทำอะไรเขาได้ ส่วนจะเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่นั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง จึงต้องเคารพสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตนพยายามไม่เอาความคิดของตัวเองไปบังคับคนอื่น และคงไม่จับใครเข้าแถวให้คิดเหมือนกันทั้งหมด เพราะความหลากหลายคือจุดแข็งของสังคม
เมื่อถามว่าเห็นได้ชัดว่าอาชีพดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง และคนที่ทำอาชีพนี้ส่วนใหญ่อายุยังน้อย นายจุติ กล่าวว่า อาชีพนี้มีมานานแล้ว พอเกิดเรื่องขึ้นมาคนก็หันมาสนใจ ต้องบอกว่าอาชีพพริตตี้เป็นธรุกิจใหม่ ที่ขยายมาจากธุรกิจบันเทิงที่เด็กทุกคนฝันจะเข้าวงการนี้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเด็กสมัยนี้ไม่มีความอดทนเหมือนคนรุ่นก่อน และโลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก ฉะนั้นเราอย่าใจแคบ ตนคิดว่าสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพเป็นสิ่งสำคัญอย่าไปจำกัด เมื่อถามว่าเยาวชนมักตกเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่ นายจุติ กล่าวว่า "นั่นคือความคิดของท่าน เด็กบางคนอาจนำผู้ใหญ่ก็ได้"
นอกจากนี้ นายจุติ ยังกล่าวถึงกรณีที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กด้วยข้อความที่ว่า “สตรีทุกท่านมีดีเอ็นเอของความเป็นแม่และภรรยา จงหาให้พบและใช้ให้เป็นประโยชน์กับสังคม” ซึ่งถูกการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการจำกัดบทบาทของสตรีและไม่สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน ว่า เป็นเรื่องของความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนมีสิทธิคิดได้ และตนก็รับฟังแล้วนำกลับไปพิจารณา แต่ก็ไม่เป็นไร เอาเวลาไปทำงานดีกว่า
เมื่อถามว่าเป็นความผิดพลาดในการสื่อสารใช่หรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า ไม่รู้ ความเห็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตนเป็นคนที่รักและบูชาแม่ และเป็นคนรัก รวมถึงให้เกียรติภรรยา ถ้าใครจะแปลความเป็นอย่างอื่น ตนก็ไม่ทราบ แต่ตนกลัวว่าคนจะดูแค่ประโยคเดียว เพราะถ้าเขาฟังสิ่งที่ตนพูดทั้งหมดจะเข้าใจ เพราะตนพยายามเปรียบเทียบว่าในรัฐสภาไทยมีผู้หญิงแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สวีเดนมี 44 เปอร์เซ็นต์ในฝ่ายนิติบัญญัติ และตนก็หวังว่าก่อนตายจะได้เห็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิง ซึ่งตระกูลของตนสร้างนักการเมืองหญิงในท้องถิ่นมาเยอะมาก
เมื่อถามว่าต้องระมัดระวังในการสื่อสารให้มากขึ้นหรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า “ผมเป็นตัวของตัวเอง ใครจะมาบังคับให้ผมคิดอย่างไรไม่ได้ แต่ถ้าเกิดผิดก็ขออภัย”
ขอขอบคุณข่าวจาก : https://www.dailynews.co.th/politics/733140

