โพลชี้นักการเมืองแก้รัฐธรรมนูญเพื่อหวังเปิด'ช่องโกง'
"ซูเปอร์โพล" เผยผลสำรวจ ชี้ประชาชนมอง"นักการเมือง"แก้รัฐธรรมนูญเพื่อหวังเปิดช่องโกง ควรแก้นิสัย ส.ส.ก่อน
เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง แก้รัฐธรรมนูญ กับ แก้นิสัย ส.ส. กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 4,551 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” จำนวน 1,189 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 – 16 พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.5 ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ในขณะที่เพียงร้อยละ 7.5 เคยอ่าน และเมื่อถามความเห็นว่า นักการเมืองแก้รัฐธรรมนูญเพื่ออะไรระหว่าง แก้เพื่อเปิดช่องคดโกงได้ กับ แก้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.8 คิดว่านักการเมืองจะแก้เพื่อเปิดช่องคดโกงได้ ในขณะที่ร้อยละ 15.2 คิดว่าจะแก้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ
ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.5 คิดว่าควรแก้นิสัย ส.ส.ก่อนแก้รัฐธรรมนูญ เพราะ ส.ส.ยังมีภาพลักษณ์แย่ ๆ เหมือนเดิม ชอบขู่ วางอำนาจ ท้าตีท้าต่อย ก่อความขัดแย้งในสังคม ทำตัวอดอยากหิวโหยมาหลายปี วิ่งเต้นเบื้องหลัง เป็นอีแอบ ล็อบบี้ ส่อคดโกง หาผลประโยชน์ มุ่งมาเอาทุนคืน ในขณะที่ร้อยละ 13.5 คิดว่าควรแก้รัฐธรรมนูญก่อน เพราะอยากได้รัฐธรรมนูญแบบปี 40 และต้องการเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นต้นที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.7 คิดว่าปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมได้โดยพบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 54.9 เชื่อว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ร้อยละ 42.8 ระบุอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ในขณะที่ ร้อยละ 2.3 ไม่เชื่อ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” พบว่า ปมแก้ไขรัฐธรรมนูญกำลังเข้าถึงคนทั้งหมดประมาณ 7,811,252 คน หรือ เจ็ดล้านกว่าคน แต่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าประมาณสามเท่าของจำนวนคนที่ มาตรการ ชิมช้อปใช้ เข้าถึง คือ 21,898,746 หรือ ยี่สิบกว่าล้านคน ในโลกโซเชียล และเสียงตอบรับต่อการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเสียงตอบรับเชิงลบร้อยละ 55.9 ในขณะที่เสียงตอบรับเชิงบวกมีร้อยละ 44.1 ผลสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” ครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่ากระแสการแก้รัฐธรรมนูญถูกจุดขึ้นจากฝ่ายการเมืองมากกว่าฝ่ายประชาสังคมและยังไม่ตอบโจทย์ไม่ตรงเป้าความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่กำลังตอบรับมาตรการชิมช้อปใช้มากกว่าและประชาชนยังกังวลว่าปมแก้รัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมจนอาจเกิดเหตุจลาจลขึ้นเหมือนบางประเทศในเวลานี้ ยิ่งไปกว่านั้นประชาชนยังเคลือบแคลงสงสัยด้วยว่า ส.ส.จะทำเพื่อเปิดช่องโกงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้องมากกว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติส่วนรวม

