เลิกสัญญาคลองด่านทำเสียหาย!กรมมลพิษ สั่งจนท.ชดใช้รวมกว่า 2 หมื่นล. - 'ธาริต' โดนด้วย 900 ล.

เปิด 3 คำสั่งกรมควบคุมมลพิษ ให้เจ้าหน้าที่รัฐชดใช้ รวมกว่า 2 หมื่นล้าน หลังยกเลิกสัญญา โครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน 'อภิชัย ชวเจริญพันธ์'  อดีตรักษาราชการแทน อธิบดีกรมควบคุมมลพิษอ่วมว่าหมื่นล้าน 'ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์' 6 พันล้าน ส่วน 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' โดนด้วย 900 ล้าน 

กรณีเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 255 กรมควบคุมมลพิษ  ได้ออกคำสั่งที่ 115/2559  ให้นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ในขณะนั้น) มีความผิดทางละเมิด เป็นเหตุให้กรมควบคุมมลพิษได้รับความเสียหาย ต้องชดใช้ค่าจ้างและค่าเสียหายตามคำพิพาษาศาลปกครองสูงสุด และไม่สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ หรือโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านได้

สำหรับ นายประพัฒน์ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พบว่า นายประพัฒน์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและเสนอแนะการบริหารสัญญาโครงการจัดการน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ โดยขาดองค์ประกอบที่สำคัญ  คือ ผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษ และไม่มีผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษเข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลพยานหลักฐานในการพิจารณาความเห็น จึงเป็นการแต่งตั้งที่ขาดความรอบคอบระมัดระวัง

ส่วนการพิจารณาสั่งการ นิติกรรมเป็นโมฆะ ตามหนังสือ ที่ ทส. 0100/พิเศษ ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2556 มีการลงรับหนังสือดังกล่าวของสำนักงานรัฐมนตรี ภายหลังวันที่นายประพัฒน์ฯ มีข้อสั่งการ รวมถึงรีบแต่งตั้งนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มารักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ

ทั้งนี้ นายประพัฒน์ ต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนแก่ทางราชการ ในอัตราร้อยละ 30 ที่เกิดจาก การกล่าวอ้างนิติกรรมเป็นโฆฆะ  และทำให้การก่อสร้างตามสัญญายุติลง เป็นผลให้รัฐไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโครงการ รวมเป็นเงินกว่า  6 พันล้านบาท (อ่านประกอบ:เรียก'ประพัฒน์' ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 6 พันล. ต้นเหตุให้รัฐ'เสียค่าโง่' คลองด่าน และ'ประพัฒน์' เล็งยื่นอุทธรณ์ หลังกรมควบคุมมลพิษ สั่งชดใช้ค่าโง่คลองด่าน )

นอกจากนี้ สำนักข่าวอิศรา พบว่า กรมควบคุมมลพิษ ได้ออกสั่ง ที่ 116/2559  และคำสั่ง ที่ 117/2559  วันเดียวกัน ให้คณะกรรมการตรวจสอบและเสนอแนะการบริหารสัญญาโครงการจัดการน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ ตามคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 9/2546 ลงวันที่ 16 มกราคม 2546 ประกอบด้วย 

1.นายสุรเชษฐ์ ดวงสอดศรี หรือนายสิริภพ ดวงสอดศรี

2.นายธาริต เพ็งดิษฐ์

3.นายยงยุทธ ศรีสัตยาชน

4. นายเสมอ ลิ้มชูวงศ์

และ 5.นายมนู ทองศรี หรือนายธิติ กนกทวีฐากร

ชดใช้ค่าเสียหาย เพราะคณะกรรมการฯ ได้รายงานผลการตรวจสอบและเสนอแนะการบริหารสัญญาโครงการฯ พร้อมข้อเสนอแนะต่อนายประพัฒน์ฯ  ซึ่งเป็นการนำเสนอโดยมิได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบจากผู้เกี่ยวข้อง  และเป็นเหตุให้กรมควบคุมมลพิษได้รับความเสียหายต้องชดใช้ค่าจ้างและค่าเสียหายตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 รายดังกล่าว ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กรมควบคุมมลพิษ ในอัตราร้อยละ 20 โดยรับผิดคนละส่วนเท่าๆ กัน คิดเป็นเงินคนละกว่า 900 ล้านบาท

ส่วนนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ รองเลขาธิการ สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (ในขณะนั้น) การดำเนินการ หลังมาดำรงตำแหน่งเพียง 2 วัน และเมื่อรัฐมนตรีมีข้อสั่งการไม่พบว่า มีการเรียกเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมมลพิษที่เกี่ยวข้องมาให้ความเห็น หรือตรวจสอบความถูกต้องของข้อสั่งการ และไม่ปรากฎว่า มีการออกไปตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างจริง ทั้งที่โครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท และขณะนั้นได้ดำเนินโครงการไปแล้วกว่าร้อยละ 98 เบิกจ่ายเงินไปแล้วกว่าร้อยละ 90 ก่อนการแจ้งบอกกล่าวนิติกรรมสัญญาเป็นโมฆะ

ในคำสั่งกรมควบคุมมลพิษ  ที่ 117/2559 นายอภิชัย ต้องรับผิดทางละเมิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ทางราชการ ในอัตราร้อยละ 50 รวมเป็นเงินกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

รวม  3 คำสั่ง เป็นเงินที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทางราชการกว่า  2.15 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กรมควบคุมมลพิษ เคยมีคำสั่งเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2557  รวม 4 ฉบับ ถึงผู้มีส่วนในการทุจริต ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ทั้งนายวัฒนา อัศวเหม นายปกิต กิระวานิช  นายศิริธัญญ์ ไพโจรน์บริบูรณ์  นางยุวรี อินนา นายณรงค์ ยอดศิรจินดา นายชะเอม ปู่มิ้ม นายบุญลือ โพธิ์อรุณ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดิน จังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องกับการออกโฉนดที่ดิน จำนวน 8 คน มาก่อนหน้านี้แล้ว

หมายเหตุ : infographic โดยชัยพิพัฒน์ บางศิริ