- Home
- Investigative
- ข่าวบุคคลดัง
- ชี้ไม่มีเจตนาพิเศษ! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องทักษิณ คดีอนุมัติ ก.คลังบริหารแผนฟื้นฟู TPI
ชี้ไม่มีเจตนาพิเศษ! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องทักษิณ คดีอนุมัติ ก.คลังบริหารแผนฟื้นฟู TPI
ศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้องคดี 'ทักษิณ' อนุมัติให้ ก.คลัง เข้าบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ TPI ชี้ข้อกล่าวหา ป.ป.ช. ฟังไม่ขึ้น จำเลยไม่มีเจตนาพิเศษ ข้อครหาตั้งคนใกล้ชิดบริหารแทน ไม่มีหลักฐานรับฟังได้ว่า 'ทักษิณ' ได้ประโยชน์ ศาลล้มละลายกลางใช้ดุลยพินิจโดยชอบแล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีอนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าไปบริหารจัดการแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI
องค์คณะผู้พิพากษา พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากจำเลยไม่ได้มีเจตนาพิเศษในการให้กระทรวงการคลังเข้าไปบริหารจัดการแผนบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI และไม่ได้แสวงผลประโยชน์ หรือกระทำการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โดยองค์คณะผู้พิพากษา พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วรับฟังได้ว่า TPI เป็นบริษัทเอกชนระดับชาติในด้านการผลิตปิโตรเคมี และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้ระบบเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดีภายหลังนโยบายของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ TPI ซึ่งกู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุนจำนวนมาก มีหนี้สินเพิ่งสูงขึ้นถึง 1.3 แสนล้านบาท ทำให้ธนาคารกรุงเทพที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง
ต่อมา ศาลล้มละลายกลาง วินิจฉัยให้บริษัทเอกชนรายหนึ่งเข้ามาบริหารแทน แต่เกิดปัญหากลุ่มลูกหนี้ (TPI) และเจ้าหนี้ (ธนาคารกรุงเทพ) เห็นว่า กลุ่มผู้บริหารจากเอกชนรายนี้ บริหารทำให้เกิดความเสี่ยง จึงยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลางขอเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ กระทั่งกลุ่มเจ้าหนี้ ได้เข้าพบกับนายทักษิณ ชินวัตร (จำเลย) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก โดยนายทักษิณเสนอทางแก้โดยให้กระทรวงการคลังเข้าไปบริหารฟื้นฟูแทน โดยตั้งคณะกรรมการบริหารที่เป็นตัวแทนของกระทรวงการคลัง 5 ราย หนึ่งในนั้นมีนายทนง พิทยะ ที่ถูกระบุว่า เป็นคนใกล้ชิดนายทักษิณ รวมอยู่ด้วย ต่อมาศาลล้มละลายกลาง ใช้ดุลยพินิจแล้ว วินิจฉัยให้กระทรวงการคลังเข้ามาเป็นผู้บริหารฟื้นฟูกิจการของ TPI
อย่างไรก็ดี องค์คณะผู้พิพากษา พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่กลุ่มเจ้าหนี้ และกลุ่มลูกหนี้เข้าพบนายทักษิณเอง ที่บ้านพิษณุโลก และนายทักษิณเสนอให้กระทรวงการคลังเข้าไปฟื้นฟูนั้น นายทักษิณไม่ได้มีเจตนาพิเศษที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหา ส่วนข้อกล่าวหาว่า เอื้อประโยชน์ให้คนใกล้ชิดนายทักษิณเป็นคณะกรรมการบริหารนั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า คณะกรรมการบริหาร 5 รายที่เป็นตัวแทนกระทรวงการคลัง พยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่า นายทักษิณได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ นอกจากนี้การที่ศาลล้มละลายกลาง เห็นควรให้กระทรวงการคลังเข้าไปถือหุ้นนั้น ถือว่า ศาลล้มละลายกลางได้ใช้ดุลยพินิจดังกล่าวแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีเป็นคดีแรกที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาพิจารณาคดีลับหลังจำเลย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่บัญญัติให้สามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ แม้จำเลยหลบหนีคดี โดยก่อนหน้านี้ศาลฎีกาฯได้รับคดีที่มีนายทักษิณเป็นจำเลยมาพิจารณาลับหลังแล้วรวมคดีนี้ ทั้งหมด 5 คดี และได้ออกหมายจับนายทักษิณ 5 ใบด้วย
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายทักษิณ จาก bbc