สัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยให้ไว้โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ล้วนเป็นประชานิยมที่จะใช้เม็ดเงินมหาศาล ศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา สัมภาษณ์ รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่เชื่อว่าเป็น “หลุมพราง” ที่นำไปสู่การครอบงำการเมืองพรรคเดียว โดยใช้นโยบายเศรษฐกิจนำ เอาใจชนชั้นกลาง

สื่อมวลชนทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์และวิทยุรายงานตรงกันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ว่าที่)นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมถึงนโยบายเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่จะขึ้นเป็น300 บาทต่อวันโดยผู้สื่อข่าวถามว่า ทำให้มีแรงงานชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อหวังค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า น่าจะเป็นคนละประเด็นกัน เกี่ยวกับเรื่องงานแรงต่างต่างชาติ

ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เป็นสถานีเพียงช่องเดียวที่สัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ว่าที่) นายกรัฐมนตรีด้วยคำถามอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจครอบครัว ชินวัตร จน น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบไปคนละเรื่องเดียวกันแบบคนเมาหมัด

สิ่งที่สังคมต้องทำความเข้าใจก็คือสาระสำคัญของคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหมายเลขคดีที่ อม.๑/๒๕๕๐ ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ กับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ ๑ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ ๒ จำเลย หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า”คดีที่ดินรัชดา”เนื่องจากผู้เขียนเคยดำรงตำแหน่งอยู่ในสถาบันตุลาการมาเป็นเวลาถึง ๓๖ ปี อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้เมื่อมีสังคมกล่าวขวัญเป็นเชิงตำหนิ หรือวิจารณ์ ...

ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันทั่วไปทั้งในและนอกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการผลักดันนโยบาย “ดับไฟใต้” ของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ที่น่าจะนำโดยพรรคเพื่อไทย ว่าจะเดินหน้ากันอย่างไรกับจุดขายที่เคยหาเสียงเอาไว้ คือ “นครปัตตานี” หรือการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่ให้รวมพื้นที่สามจังหวัด คือปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นเขตปกครอง แล้วให้ประชาชนเลือกตั้ง “ผู้ว่าการนคร” โดยตรง