เสียงจาก"อธิการ-นักศึกษา" ม.รังสิต หนุนเดินเท้าค้าน“EHIA" เขื่อนแม่วงก์

“ผมคิดว่าการให้การศึกษาคือการปล่อยนกอินทรีทะยานขึ้นสู่ฟ้า อย่าไปดึง อย่าไปรั้งหรือจำกัดเขา แล้วมันจะเกิดการนวัตกรรม หรือความรู้ใหม่ๆได้ ทุกวันนี้ค่านิยมในมหาวิทยาลัยทั่วไปคือคิดแค่สอนให้เรียนจบๆไป ไม่สนใจที่จะสอนให้นักศึกษาได้รอบรู้สถานการณ์บ้านเมือง ถ้าทั้งอาจารย์และนักศึกษาคิดกันได้แค่นี้ บ้านเมืองมันก็ได้แค่นี้”

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นเมื่อถามถึงกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตจำนวนมากที่เข้าร่วมสนับสนุนการเดินเท้าของศศิน เฉลิมลาภ ทีมมูลนิธิสืบนาคะเสถียร รวมทั้งประชาชนจำนวนไม่น้อย ที่ร่วมกันคัดค้านEHIA เขื่อนแม่วงก์ ซึ่งในวันที่ 20 กันยายนนี้จะมีการจัดเสวนาในหัวข้อ “EHIA เขื่อนแม่วงก์ ซับซ้อนซ่อนเงื่อน หรือ...ดรามา” ที่มหาวิทยาลัยรังสิต

“ผมเองก็ให้กำลังใจพวกเขาน่ะ เพราะเป็นแบบอย่างที่ดีของภาคประชาชน และเป็นวิธีการหนึ่งที่แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยซึ่งรัฐบาลควรรับฟัง เพราะโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท มันมีความผิดเพี้ยนมาตั้งแต่ต้น แทนที่จะวิเคราะห์ว่าปัญหาของประเทศนี้คืออะไร และมีทางออกอย่างไร แล้วถึงจับเอาโครงการหรืองบประมาณมาใส่เข้าไปด้วยความรอบครอบ แต่นี่กลับเริ่มต้นที่เงิน 3.5 แสนล้านบาท ผมคิดว่าเรื่องนี้รัฐบาลทำงานด้วยความบกพร่องมากๆ”

ที่ผ่านมาการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่าผลิตคนขึ้นมาเพื่อตอบสนองภาคธุรกิจและกลายเป็นมนุษย์เงินเดือน ขณะที่การแสวงหาคำตอบนอกรั้วมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะในชนบทห่างไกลกลับมีน้อยมาก ซึ่งดร.อาทิตย์บอกว่าสาเหตุหนึ่งเพราะมหาวิทยาลัยในบ้านเราทุกวันนี้มีระบบที่แข็งตัวมาก แถมหลายเรื่องก็ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แทนที่จะเอาเป้าหมายและอุดมการณ์เป็นหลัก กลับไปยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์

“ผมยกตัวอย่าง มีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งของเราเรียนมา 12 ปี แต่ยังสอบครั้งสุดท้ายไม่ผ่าน ซึ่งตามหลักเกณฑ์ที่วางกันไว้คือเขาต้องออก ซึ่งหากทำเช่นนั้นก็เท่ากับทำลายชีวิตคนๆหนึ่งทั้งชีวิต เพราะที่เรียนมาทั้งหมดต้องสูญเปล่า ทำไมถึงไม่ให้โอกาสเขาอีก สุดท้ายทางสภามหาวิทยาลัยฯเลยให้เขาสอบอีกครั้ง และผ่าน ซึ่งตรงนี้ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ เขาคงต้องออกแน่ๆ เมื่อเขาออกไปทำงานเขาก็เป็นแพทย์ที่ดีคนหนึ่ง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องไปจำกัดว่า ปริญญานั้น ปริญญานี้ต้องเรียนกี่ปี”

เมื่อถามว่า หลายครั้งที่มหาวิทยาลัยรังสิตสนับสนุนกิจกรรมของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่กลัวถูกเพ่งเล็งว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลชุดนี้หรือ ดร.อาทิตย์กล่าวว่า ไม่ได้สนใจเรื่องสีเสื้อ อยากให้ดูที่ผลมากกว่าและมหาวิทยาลัยรังสิตก็ไม่ใช่แค่โรงเรียนสอนหนังสืออย่างเดียว ปรัชญาที่สำคัญคือผลิตบุคลากรให้มารับใช้สังคม อะไรที่เป็นปัญหาของประเทศทุกคนก็มีสิทธิที่จะห่วงใย

“เราพยายามสนับสนุนให้นักศึกษาได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม หากเขาไม่สนใจสถานการณ์บ้านเมือง เราก็ต้องพยายามใส่เข้าไปด้วย ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย”