ปีหน้าหากน้ำท่วมซ้ำ มุมมอง ‘เอกชน’ เราจะอยู่กันอย่างไร
น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เรียกว่า ‘โดน’ กันทั่วหน้า ไล่ตั้งแต่เกษตรกร ชาวบ้านตัวเล็ก ไปจนถึงเจ้าสัวรายใหญ่ นั่นเป็นเพราะมาตรการภาครัฐที่ว่าเอาอยู่ กลับ ‘เอาไม่อยู่’ ป้องน้ำท่วมไม่ได้
หลังน้ำลดหนนี้ นักธุรกิจทุกสารทิศจึงไม่รอช้า รวมตัวกันถกหนักผ่านเวทีประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 29 ที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางตั้งรับฤดูฝนที่จะมาเยือนในอีก 6 เดือนข้างหน้า “ศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ สำนักข่าวอิศรา” เก็บประเด็นเสวนาบางส่วนมานำเสนอ ดังนี้...
ฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย
"บ้านเรามีแผนดีไม่แพ้ใคร แต่ปัญหาคือการตัดสินใจที่ต้องขึ้นกับภาคการเมือง"
ในเรื่องความรู้ความสามารถในการวางแผน ประเทศไทยไม่แพ้ใครในโลก แต่ปัญหาของบ้านเราคือ ‘การตัดสินใจ’ ประเทศ เรามีออฟชั่นต่างๆ มากมาย แต่ยังไม่มีคนที่ตัดสินใจได้ว่า อะไรที่น่าจะทำ ทำได้ และทำโดยไม่มีกินนอกกินใน เพราะหากมีเรื่องคอร์รัปชั่นเข้ามา ความสำเร็จในการดำเนินงานจะถูกฉุดลงมาทันที
“ถามว่าแผนดีไหม แผนดี แต่พอมาถึงเรื่องการขับเคลื่อน เมื่อไปขึ้นอยู่กับภาคการเมืองแล้ว ผมว่า ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นทุกคน หอการค้าทุกจังหวัดต้องรวมพลังขับเคลื่อน ต้องร่วมกันผลักดัน เมื่อคนที่ตัดสินใจให้ความเห็นชอบเป็นภาคการเมือง นักการเมืองที่มาจากจังหวัดต่างๆ ซึ่งถ้าเราช่วยกันผมคิดว่า โอกาสที่จะสำเร็จมีมาก”
ส่วนเรื่องการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับเม็ดเงินงบประมาณ ความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุนเท่าที่เรามี แต่ว่าเรื่องการบริหารจัดการเหล่านี้ ต้องยอมรับว่าเป็นจุดอ่อนของประเทศไทย
ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย
"เจาะท่อรอดใต้ถนนตามพระราชดำรัสของในหลวง ทำได้ง่าย-เร็วกว่าสร้างของใหม่"
ใครว่าปีหน้าน้ำมาท่วม มาพนันกับผมได้ เพราะทรายที่เรากรีดบิ๊กแบ๊กมันไปอุดตามท่อระบายน้ำ ใครจะไปขุดขึ้นมา ตอนที่เอากระสอบทรายไปกั้นเรามีแรงจูงใจ กลัวว่า น้ำจะท่วม แต่ตอนนี้น้ำสงบแล้ว
ฉะนั้นถามว่า เราจะบริหารจัดการกันอย่างไร?
อีกประการหนึ่ง เมื่อเราเอาพื้นที่ลุ่มไปปลูกบ้าน ไปสร้างนิคมอุตสาหกรรม ทำให้แนวฟลัดเวย์หายไป เมื่อน้ำท่วมจึงขังนานกลายเป็น ‘ป้าน้ำ’ ก็ยังระบายไม่หมด ส่วนที่จะไปสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อช่วยระบายน้ำนั้น ผมว่าต้องใช้เวลา 5-10 ปีถึงจะเสร็จ ดีไม่ดีไม่มีงบประมาณอีก ดังนั้น ผมว่าถ้าเราทำตามพระราชดำรัสของในหลวงเรื่องการสร้างท่อรอดใต้ถนน น่าจะทำได้เร็วกว่า
“สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องมีแผนที่ชัดเจน มีกรอบระยะเวลาที่แน่นอน เพื่อสร้างความมั่นใจ ไม่เช่นนั้น อย่าว่าแต่บริษัทประกันภัย ไม่รับประกันภัยน้ำท่วม หรือเพิ่มค่าประกันเลย การลงทุนใหม่ก็จะไม่เกิดขึ้น ทีนี้ถามว่าโรงงานที่นำเข้าเครื่องจักรใหม่มาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”
คมกฤชช์ ธรรมรัตนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดนครสวรรค์
"รัฐบาลช่วยเหลือครัวเรือน-อุตสาหกรรมเร็วมาก แต่เอสเอ็มอีเม็ดเงินมาถึงช้าที่สุด"
ผมคิดว่าในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำแยกเป็น 2 ส่วนคือ 1.เรื่องของคน ถ้าคนสั่งอยู่คนละหน่วยกัน และไม่ทำงานสอดประสาน ยังไงปัญหาเรื่องน้ำก็แก้ไม่ได้ 2.เรื่องการช่วยเหลือ ผมพบว่าภาคครัวเรือน เงินช่วยเหลือ 5,000 บาทรัฐช่วยเร็วมาก ในขณะที่เอสเอ็มอีมีตัวโครงการ เม็ดเงินไม่เคยเห็น
“จังหวัดนครสวรรค์ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ผู้ประกอบการรออย่างเดียวคือ เม็ดเงินที่จะมาช่วยเท่านั้น ผมจึงอยากเสนอว่า โครงการต่างๆ ที่รัฐบาลออกในวันนี้ ควรพอได้แล้วเยอะแล้ว โดยเฉพาะเงินกู้ต่างๆ แต่สิ่งที่รัฐต้องทำคือ ทำทุกอย่างให้รวดเร็ว ทำอย่างไรให้เม็ดเงินถึงมือเอสเอ็มอีได้ เพราะที่ผ่านมาขึ้นชื่อว่า เอสเอ็มอี ยิ่งช้าที่สุด”
ส่วนที่ขณะนี้รัฐบาลมีการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ขึ้นมานั้น ผมเห็นแต่ข่าวว่า กยอ. เดินทางไปเจรจากับบริษัทประกันภัยญี่ปุ่น ให้รับประกันภัยบริษัทญี่ปุ่นกันเองเท่านั้น ช่วยเหลือเฉพาะนิคมอุตสาหกรรม ถามว่าเอสเอ็มอีไปอยู่ไหน
หลังน้ำท่วมครั้งนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีก็อยากทำประกันภัยน้ำท่วมเช่นกัน เพราะหากปีหน้ายังบริหารจัดการน้ำเช่นนี้อีก น้ำอาจท่วมได้...
สุบงกช วงศ์วิชยาภรณ์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา
ผู้แทนหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์)
"นครราชสีมา ไม่ได้อยากเป็นเมืองหลวง แต่มีศักยภาพเป็น ‘เมืองเศรษฐกิจใหม่’รองรับการเติบโตของประเทศได้"
‘ผังเมือง’ ถือเป็นอนาคตของประเทศ เพราะที่ผ่านมาปัญหาได้เกิดขึ้นแล้วในกรุงเทพฯ การเติบโตในลักษณะที่นักธุรกิจลงทุนสร้างผิดที่ผิดทาง มีเงินไปซื้อที่ดิน อยากสร้างบ้านในพื้นที่แก้มลิงก็ทำได้หมด ขณะที่ภาครัฐก็สร้างโดยไม่ได้คำนึงถึงความสูง ต่ำของพื้นที่
ปีที่แล้วนครราชสีมาก็เคยเจอปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน แต่เมื่อวางระบบขึ้นใหม่ปัญหาก็เกิดน้อยลง ทุกวันนี้พอเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ประชาชนจำนวนมากก็แห่ไปซื้อบ้านหลังที่สองที่นครราชสีมา เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมที่ย้ายเข้ามาตั้งฐานการผลิตในจังหวัด
จุดนี้เองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรามองถึงเรื่อง ‘เมืองเศรษฐกิจใหม่’
นครราชสีมาเป็นเมืองที่มีศักยภาพ มีสนามบิน มีพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 400 กว่าเมตร จึงเป็นเมืองที่สามารถรองรับการเติบโตของประเทศได้ ยิ่งถ้าเราบอกว่าในอนาคตน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ อีกครั้ง และหลายฝ่ายก็ประเมินว่า มีความสุ่มเสี่ยงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เพื่อป้องกันต่างประเทศหนีออกไป น่าจะต้องนำระบบการสร้างเมืองเศรษฐกิจใหม่เข้ามา เพื่อรองรับการเติบโตของประเทศไทย
“วันนี้นครราชสีมาคงไม่อยากเป็นเมืองหลวงที่มีศักยภาพเหมือนกรุงเทพฯ แต่เราเห็นว่า ควรมีแนวทางรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ ไม่เช่นนั้นปัญหาก็จะย้อนกลับอีก”
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่สามารถทำได้ทันทีนั้นคือ การขุดลอกคูคลอง แหล่งกักเก็บน้ำต่างๆ ให้มีศักยภาพเต็มที่ ไม่ใช่บอกว่าเก็บน้ำได้หมื่นลูกบาศก์เมตร แต่เอาเข้าจริงเก็บได้แค่หลักพัน ดังนั้นเรื่องดังกล่าวต้องเร่งดำเนินการ เพราะปัญหาของบ้านเราคือเวลาน้ำท่วมก็ท่วม เวลาน้ำหายก็หายหมด ถ้าขุดลอกคูคลอง แหล่งเก็บน้ำทั่วประเทศไทยให้มีศักยภาพเต็มที่ เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
อานุภาพ ล้อวงศ์งาม เลขาธิการหอการค้าจังหวัด กาญจนบุรี
"นักท่องเที่ยวหายร่วม 3 เดือน ดอกเบี้ยกำลังวิ่ง ถ้าเจอค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทอีก ผู้ประกอบการคงไม่ไหว"
แม้ว่ากาญจนบุรี น้ำจะไม่ท่วม แต่เราก็ได้รับผลกระทบทางอ้อม โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ลูกค้าหายไป 3 เดือน โปรแกรมท่องเที่ยวถูกยกเลิกหมด และไม่ใช่เฉพาะกาญจนบุรีเท่านั้น ปราจีนบุรี เชียงใหม่ก็โดนด้วย ดังนั้นในส่วนของผู้ประสบปัญหาทางอ้อม รัฐบาลมีโครงการหรือความช่วยเหลืออย่างไร
“การช่วยเหลือจากภาครัฐที่ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ถามว่า คนที่กู้ไปแล้วและมีปัญหาในเรื่องการผ่อนดอกเบี้ย รัฐจะช่วยเหลืออย่างไร ผมว่ากรณีพักชำระต้น แต่ไม่พักดอก มันเป็นการช่วยเหลือแบบไม่จริงใจ ถ้าอยากช่วยเหลือกันจริงๆ พักชำระดอก 3-6 เดือนจะช่วยได้มาก”
ขณะเดียวกันในเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ผมเชื่อว่า ถ้ารัฐบาลยังคิดจะผลักดันนโยบายดังกล่าวอยู่ ผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาน้ำท่วมจะตายเอา เพราะเงินกู้ก็ต้องจ่าย ดอกเบี้ยก็กำลังวิ่ง ถ้าเจอค่าแรง 300 บาทคงไม่ไหว ต่อให้กู้มาเท่าไหร่ก็ต้องจ่ายแค่แรงหมด