เมตตา พานิช: ความจริงกรณีปรับภูมิทัศน์บนเขาพุทธทอง
"ส่วนโมกข์เป็นสมบัติของคนทั้งประเทศ หรือทั้งโลกก็ว่าได้ ควรที่ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องรักษาไว้ให้เป็น ไปตามปณิธานของท่านพุทธทาส ตลอดไปชั่วกาลนาน"
ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม ก่อนวันล้ออายุท่านพุทธทาส มีการประชุมพระสงฆ์ในวัดธารน้ำไหล เจ้าอาวาส พระอาจารย์สุชาติ ได้แต่งตั้งพระอาจารย์ทองสุขเป็นที่ปรึกษา และมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณเขาพุทธทอง
ประมาณต้นเดือนมิถุนายน ได้ทราบข่าวว่ามีการปรึกษากันเพื่อดำเนินการโครงการนี้ โดยมีการเชิญนายอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้ช่วยออกแบบดูแลการก่อสร้าง เท่าที่ทราบจากคนรู้จัก นายอิทธิฤทธิ์ จะเป็นสถาปนิกหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ ทราบแต่ว่าเป็นนักออกแบบและวาดภาพ
ปลายเดือนมิถุนายน มีการนำแบบของโครงการทั้งหมดมาเสนอพระอาจารย์ทองสุข แบบที่นำมาเสนอในตอนแรกนั้นเป็นโครงการใหญ่ เริ่มตั้งแต่ปรับปรุงบนโบสถ์โดยบอกเล่าว่า สมัยท่านพุทธทาสยังอยู่ ท่านเคยปรารภว่าแสงแดดส่องลงมาร้อนมาก แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร จึงมีการเขียนแบบโครงสร้างมีเสา 4 ต้น และมีโครงหลังคาผ้าใบเพื่อกันแดด ส่วนภูมิทัศน์ด้านล่างมีโครงการขยายบันไดทางขึ้น และทำลานฝึกสมาธิบริเวณที่เผาศพท่าน พุทธทาส ถัดลงไปที่เป็นส่วนของพื้นที่หน้าหอไตรต้องการถมปรับพื้นที่เป็นลานจอดรถ
โดยความเห็นส่วนตัว พระอาจารย์ทองสุข คงจะไม่คิดทำเต็มตามโครงการ โดยเฉพาะโครงการทำหลังคาคลุมเพื่อกันแดด ท่านอาจารย์โพธิ์ พูดว่า “สมัยก่อนถ้าแดดร้อนมากก็ใช้ผ้าจีวรผืนใหญ่ ๆ ใช้เชือกผูกโยงกับต้นไม้ก็ใช้ประโยชน์ได้แล้ว”
ต้นเดือนสิงหาคม เริ่มลงมือทำในวันกรรมกร ได้ขอแรงพระขึ้นไปช่วยจัดเรียงหินซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด หลังจากนั้น เริ่มมีการสั่งดินเข้ามากองไว้หลายสิบคันรถ และนำรถแบคโฮไปขุดภูเขา ซึ่งเดิมสมัยท่านพุทธทาส มีโครงการสร้างถ้ำอชันตาตามพุทธประวัติ ท่านให้ขุดภูเขาไว้เป็นช่องเพื่อเตรียมสร้างถ้ำแต่ไม่ได้ทำต่อ
ในสมัยที่ท่านอาจารย์โพธิ์เป็นเจ้าอาวาส มีการปรับปรุงพื้นที่ให้เรียบและถมทราย เพื่อทำเป็นลานทรายสำหรับนั่งสมาธิ รถขุดและขนก้อนหินขึ้นไปใช้บนภูเขาอยู่หลายวัน มีร่องรอยภูเขาถูกขุดอยู่ชัดเจน
ผมทราบเรื่องนี้ เพราะมีพระแวะมาบอกที่บ้าน ว่ามีการสั่งทรายหินปูนและเหล็กขึ้นไปบนเขาเป็นจำนวนมาก ท่านถามผมว่าเขาจะทำอะไรกัน ตอนแรกท่านคิดว่าเป็นการจัดเรียงหินซ่อมส่วนที่ชำรุดแบบง่าย ๆ ท่านจึงชักชวนพระขึ้นไปช่วยกันในวันกรรมกร วันถัดมาใกล้มืด พระสิงห์ทองมาหาที่บ้าน ท่านบอกว่าดินที่กองถมไว้ที่โคนต้นไม้สูงมาก ถึงระดับเอว ท่านเกรงว่าต้นไม้ขนาดใหญ่อายุกว่าร้อยปีจะตายเสีย รุ่งเช้าผมได้ไปหาผู้ใหญ่บ้านขอให้ช่วยยับยั้งโครงการไว้ก่อนแต่ไม่เป็นผล ผมยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป และช่วงนั้นต้องเตรียมงานการอบรมสมาธิคนไทยด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาติดตามเรื่องนี้
ประมาณวันที่ 20 ตอนเย็น มีชาวบ้านที่ขายของอยู่หน้าวัดไปหาผม เล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนเช้ามีพระลงมาขนก้อนหินบางส่วนที่กองไว้ข้างลานหินโค้ง และมีชาวบ้านหลายคนปรึกษาร่วมกันว่า จะรวมกลุ่มคัดค้าน ขอให้ผมช่วยไปชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจว่า โครงการที่เขากำลังทำอยู่มีความเป็นมาอย่างไร เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จ ผมจึงออกไปพบกับกลุ่มชาวบ้านที่รออยู่ ชาวบ้านได้เอาใบถ่ายเอกสารให้อ่าน มีใจความว่าพระสิงห์ทองได้ไปขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้ ขอให้ช่วยเขียนจดหมายถึงเจ้าอาวาส เพื่อให้คำแนะนำในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้ต้นไม้ที่มีอายุกว่า 100 ปี ต้องยืนต้นตายเพราะถูกดินถม
ต่อมาวันอาทิตย์ ที่ 25 ได้มีชาวบ้านจากหลายท้องที่ขึ้นไปดูบนเขาพุทธทอง ผมตามขึ้นไปดู เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. และตกเป็นจำเลยว่าเป็นผู้นำการประท้วง เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการแสดงออกถึงความรุนแรง และเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเป็นเกมทางการเมืองเป็นการต่อสู้กับอำนาจของวัตถุนิยมอันเลวร้าย ยากที่คนธรรมดาระดับชาวบ้านหรือแม้แต่พระซึ่งบวชใหม่ จะมองเห็นหรือเข้าใจได้
ตามโครงการนี้ ถ้าจะทำให้สำเร็จเต็มโครงการจะต้องใช้ก้อนหินมากมาย ภูเขาอาจจะถูกขุดทำลายเพิ่มขึ้นอีก และเมื่อทำเสร็จแล้วจะได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่าจากการลงทุนหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบหรือคำอธิบายที่ชัดเจนจากเจ้าของโครงการ การจัดสวนหินให้เป็นที่นั่งโดยคิดว่าจะใช้เป็นที่ฝึกสมาธิ อาจเกิดปัญหาทำนองเดียวกันกับที่เคยเกิดเหตุการณ์ที่สระนาฬิเกร์ บันไดที่นั่งข้างสระนาฬิเกร์ มีบ่อยครั้งที่วัยรุ่นมานั่งคุยกันและแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับสถานที่ จนกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ต้องแก้ปัญหาด้วยการปิดประตูวัดไม่ให้สามารถขับรถเข้ามาได้โดยสะดวก
โดยสรุปแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้อง ล้วนรักเคารพท่านพุทธทาส และปรารถนาดีต่อสวนโมกข์ น่าเสียดายที่ไม่ได้มีการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกัน และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายให้รอบด้านและครบถ้วน ก่อนตัดสินใจทำ โครงการนี้
ส่วนโมกข์เป็นสมบัติของคนทั้งประเทศ หรือทั้งโลกก็ว่าได้ ควรที่ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องรักษาไว้ให้เป็น ไปตามปณิธานของท่านพุทธทาส ตลอดไปชั่วกาลนาน.
ท่านพุทธทาส เขียนเป็นลายมือว่า ความสำราญทางกายย่อมต้องแลกมาด้วยความรุ่มร้อนทางใจเสมอ ในกรณีนี้ผมเห็นว่า ความสวยงามสะดวกสบายทางวัตถุย่อมต้องแลกมาด้วยความสูญเสียของสมดุลตามธรรมชาติ ที่ไม่อาจประเมินค่าได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
Exclusive : เปิดจดหมายลายมือ “หมอประเวศ”- “ ชุมชน ” ต้องปกป้อง “สวนโมกข์”
ไม่หวั่นกระแสต้าน ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสสวนโมกข์ สั่งเดินหน้าปรับปรุงภูมิทัศน์ต่อ
“สวนโมกข์”ลุกเป็นไฟ!!เจ้าอาวาสใหม่ สั่งโละ ทีมการเงินสมัย"ท่านพุทธทาส" -สร้างวัตถุทันสมัย
ตามไปดู...."สวนโมกข์" ปรับภูมิทัศน์ โบสถ์ธรรมชาติเขาพุทธทองอยู่ได้พันปี !