เมตตา พานิช:ความจริงกรณีปรับภูมิทัศน์บนเขาพุทธทอง (ตอนที่ ๒)
ก่อนบวช ผมมีความสนใจในการเมืองอยู่มากพอสมควร สมัยเป็นนักศึกษาเคยเข้าร่วมเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ครั้งนั้นด้วย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่หลังจากได้มีโอกาสบวชที่สวนโมกข์ ๑ พรรษา เมื่อปี ๒๕๒๐ ความคิดความเห็นเปลี่ยนไปมาก ได้เรียนรู้ว่า พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งวิเศษ มหัศจรรย์สูงสุด หากเพียรปฏิบัติจริงแล้ว ชีวิตจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ที่มนุษย์เราควรจะได้รับ คือ สามารถไปได้ถึงที่สุดแห่งทุกข์
เหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ บนเขาพุทธทอง เป็นการเรียนรู้เกมการเมืองครั้งแรกในชีวิต พบว่ามีกระบวนการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ เพื่อหาคนมาสนับสนุนโครงการนี้ให้สามารถดำเนินต่อไปได้โดยสะดวก ไม่มีอุปสรรค จึงมีการหาวิธีทุก ๆ ทาง ที่จะสกัดกั้นผู้คนที่ได้รับการชักชวนให้มาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบนยอดเขาพุทธทอง พยายามจัดฉากสร้างภาพให้เห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ควรให้ทำต่อไปจนสำเร็จ ทุกอย่างจะดูเรียบร้อย สวยงาม กลมกลืนไปกับธรรมชาติ
เจ้าของโครงการมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก แน่ใจว่าโครงการนี้เป็นการสานต่อปณิธานของท่านพุทธทาส อีกทั้งไวยาวัจจกรที่ร่วมงานด้วยทั้ง ๒ ท่าน ก็มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า สวนโมกข์มาถึงยุคที่ต้องพัฒนากันเสียที หยุดนิ่งมากว่า ๒๐ ปีแล้ว มีการปรึกษากันเรื่องนี้ในกลุ่มของพระและฆราวาสถึงการพัฒนาหลาย ๆ ด้าน เช่น การเปิดประตูวัดให้รถสามารถขับเข้ามาได้โดยสะดวก ปรับปรุงถนนทุกสาย โดยลาดยางหรือเทคอนกรีต ตัดถนนเพิ่มเพื่อให้สะดวกในการขับรถเที่ยวดูและชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ฯลฯ
ในช่วงเวลาก่อนที่จะถึงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ได้มีการชักนำผู้นำท้องถิ่นให้มาดูและพยายามอธิบายโน้มน้าวให้คล้อยตาม และเห็นด้วยกับโครงการนี้อย่างเป็นระบบ ผมจึงถูกต่อต้านจากคนรอบข้างเมื่อก้าวเท้าขึ้นไปบนยอดเขาพุทธทอง ข้อกล่าวหาในทางเสีย ๆ หาย ๆ ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาโจมตี จนแทบตั้งตัว ไม่ติด ขณะนั้นคิดอยู่ในใจได้แต่เพียงว่า ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งได้อีกแล้ว นอกจากการพึ่งพาอาศัยบารมีของพระธรรมอย่างเดียว
ผลของการเจรจาเมื่อวันที่ ๒๕ ไม่อาจตกลงกันได้ มีผู้เสนอว่าควรหยุดรอไว้ก่อน แต่ฝ่ายทำยืนยันเดินหน้าต่อไป
หลังจากเหตุการณ์วันที่ ๒๕ เป็นต้นมา มีสื่อมวลชนจำนวนมากให้ความสนใจมาทำข่าวนี้ มีการเตรียมการไว้อย่างเป็นระบบเช่นเดียวกัน การแถลงข่าว หรือออกข่าว จึงเป็นไปในทางเอื้อประโยชน์กับผู้ทำโครงการแทบทั้งสิ้น
เรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจและต่อต้านเพิ่มมากขึ้นอีก ชาวบ้านที่ใกล้ชิดเหตุการณ์รู้ดีว่า อะไรคือความจริง การรวมตัวประท้วงรอบที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑ กันยายนจึงเกิดขึ้น มีชาวบ้านมาร่วมกันประมาณ ๓๐ คน ตัวแทนชาวบ้านขอใช้อาคารของคณะธรรมทาน หน้าสวนโมกข์ เป็นที่พบปะหารือกัน ผลการประชุมมีมติให้ตั้งตัวแทนไปพบเจ้าอาวาส เพื่อขอให้หยุดรอไว้ก่อน แต่ท่านเจ้าอาวาสปฎิเสธ
การนัดรวมตัวกันของชาวบ้านจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ ๓ ที่ผ่านมา คราวนี้มีตัวแทนของหอจดหมายเหตุพุทธทาส ฯลฯ มาร่วมชี้แจงด้วย ผลการประชุมไม่สามารถหาข้อตกลงได้ เพียงแต่ให้ตั้งตัวแทนไปพบเจ้าอาวาสอีกรอบหนึ่ง ความไม่พอใจของชาวบ้านเพิ่มยิ่งขึ้นกว่าคราวที่แล้ว
ตอนเช้าวันที่ ๓ ที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากตัวแทนชาวบ้านว่า เขาได้พยายามเข้าไปหาผมที่สวนโมกข์นานาชาติแต่ไม่พบ จึงได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ ได้พูดคุยกัน จึงทราบว่า ทางกลุ่มชาวบ้านได้ร่วมพูดคุยและตกลงกันแล้วว่า วันนี้จะรวมกลุ่มกันขับไล่เจ้าอาวาส
เรื่องนี้ผมรู้สึกหวั่นวิตกมาก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องที่กลุ่มชาวบ้านไม่พอใจ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องบนเขาพุทธทองเพียงเรื่องเดียว ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เปลี่ยนเจ้าอาวาสองค์ใหม่ เรื่องวุ่นวายภายในวัดถูกบอกเล่ากันต่อ ๆ ไป
เรื่องสุดท้ายที่ถือว่าร้ายแรงที่สุด คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้ทราบว่ามีการนัดประชุมพระในวัดเป็นการด่วน โดยมีพระอาจารย์ทองสุข ที่ปรึกษาเจ้าอาวาส เป็นผู้ดำเนินการประชุม เป็นการตั้งคณะสงฆ์ไต่สวนเอาความผิดกับท่านสิงห์ทอง มีการคาดโทษไว้นับตั้งแต่เบาสุด คือ ตักเตือน ไปจนถึงขั้นสุดท้าย คือ ขับออกจากวัด ผมได้ทราบว่า ท่านเจ้าอาวาสก็ไม่เห็นด้วย กับการเสนอโทษถึงขั้นขับออกจากวัด ท่านทักท้วงว่าเป็นช่วงกำลังอยู่ในพรรษา ขอให้ลงโทษเพียงขั้นว่ากล่าวตักเตือน เพราะเท่าที่ฟังข้อกล่าวหาต่าง ๆ ไม่มีน้ำหนักหรือเหตุผลเพียงพอ
ชาวบ้านหน้าวัดทราบเรื่องนี้เมื่อตอนเย็นใกล้ค่ำแล้ว มีการรวมตัวกันนับสิบคน เข้าไปในวัดยื่นข้อเสนอว่า หากท่านสิงห์ทองถูกขับไล่ออกจากวัดเมื่อใด จะรวมตัวกันขับไล่เจ้าอาวาสด้วย ท่านสิงห์ทองเป็นพระที่ชาวบ้านให้ความเคารพรักมาก คอยรับใช้ปรนนิบัติท่านพุทธทาส เป็นเวลายาวนานจวบจนท่านมรณภาพ ขณะนี้เป็นศิษย์ก้นกุฏิที่ยังคงเหลือในสวนโมกข์เพียงรูปเดียว เพราะท่านจ้อยได้ไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตระกรบ ตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว
ผมได้พยายามเจรจาขอร้องตัวแทนชาวบ้าน โดยให้เหตุผลว่า ไม่ควรทำเพราะเป็นเรื่องใหญ่ มีผลกระทบต่อหลาย ๆ ฝ่าย มีแต่ผลเสียเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ไม่มีส่วนดีใด ๆ เลย แล้วในที่สุดเรื่องต่าง ๆ ก็จะถูกชักโยงมาใส่ความผิดให้กับผม จะกลายเป็นข้อหาที่หนักยิ่งกว่าการเป็นผู้นำการประท้วง เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ที่ผ่านมานี้ไปเสียอีก
ในที่สุดสามารถตกลงกันได้ ผมขอโอกาสใช้วิธีการสันติวิธีตามที่ได้ประกาศออกไปว่า ขอให้มาร่วมกัน แสดงความเห็นว่า ควรหยุดรอไว้ก่อนเพื่อฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย หรือควรให้ดำเนินการต่อไปจนเสร็จ
หลังจากผ่านวันเสาร์ที่ ๗ กันยายนนี้ หากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ผมจะไม่ขอร้องอะไรอีก ปล่อยให้เป็นเรื่องของชาวบ้านที่จะคิดทำกันเองโดยอิสระ
การทำให้โลกออกมาเสียจากอำนาจของวัตถุนิยม ตามปณิธานข้อที่ ๓ ของท่านพุทธทาสเป็นสิ่งที่ยากจะทำได้ แต่ก็เป็นทางเดียวเท่านั้น ที่จะนำโลกออกจากวิกฤตและกลับมีสันติภาพที่แท้จริงได้
ผมรู้สึกเสียดายเวลาอันมีค่าของพระนวกะหลาย ๆ รูป แทนที่จะได้มีเวลาศึกษาและปฏิบัติจริง จนได้รับสัมผัสความสงบเย็นของโลกุตรธรรมบ้าง กลับมาหลงติดกับดักของวัตถุนิยม เข้าใจผิดไปว่า งานปรับภูมิทัศน์บนเขาพุทธทอง เป็นผลงานอันมีค่ายิ่งในช่วงพรรษานี้.
อ่านประกอบ:เมตตา พานิช: ความจริงกรณีปรับภูมิทัศน์บนเขาพุทธทอง