กฤษฎีกาไฟเขียว ม.รามคำแหง ให้เอกชนเช่าพื้นที่ในตึก 25 ชั้นได้
คกก.กฤษฎีกาไฟเขียว ม.รามคำแหง ให้เอกชนเช่าพื้นที่ในตึก 25 ชั้นได้ ชี้เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) ได้มีความเห็นตามที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (มร.) ทำหนังสือสอบถามเข้ามา กรณีที่ มร.มีอาคารเอกศาสตร์ สูง 25 ชั้น ตั้งอยู่ที่ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งมร.จัดหามาโดยใช้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัย เพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงาน อาคารเรียน และอื่น ๆ โดยตั้งแต่ชั้นที่ 1-5 มร.มีวัตถุประสงค์จะจัดหาผลประโยชน์เพื่อนำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารการศึกษาต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของ มร. ซึ่งการจัดหาผลประโยชน์ดังกล่าวจะดำเนินการโดยผู้สนใจเข้ามาเสนอเพื่อใช้ประโยชน์ การดำเนินการจะปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับชอง มร.และหลักเกณฑ์ของส่วนราชการโดยอนุโลม จึง
“จึงขอหารือในประเด็นข้อกฎหมายว่า มร.จะดำเนินการให้เอกชนเช่าพื้นที่ชั้นที่ 1-5 อาคารเอกศาสตร์ เพื่อจัดหาผลประโยชน์สนับสนุนการจัดการศึกษาของ มร.ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ.2541 ได้หรือไม่” เอกสารที่ ศธ 0518.01/3621 ที มร.ส่งมาสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีการะบุ
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) ได้มีหนังสือตอบกลับ มร.ตามเรื่องเสร็จที่ 1317/2555 ว่า ตามที่พิจารณาข้อเท็จจริงว่าอาคารเอกศาสตร์ตั้งอยู่บนที่ดิน โฉนดเลขที่ 236012 ที่ มร.ซื้อจากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย และปัจจุบัน มร.ได้ดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จแต่ยังมิได้มีการเข้าไปใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ มาตรา 11 และมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ.2541 ระบุว่าให้ทรัพย์สินที่ได้มาโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ของมหาวิทยาลัยตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวใช้บังคับ ไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ และให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย
“เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า อาคารดังกล่าว มร.ซื้อมาด้วยเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยตั้งแต่ พ.ศ.2549 ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว จึงเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ.2541 มร.จึงมีอำนาจในการใช้และจัดหาผลประโยชน์ได้ อย่างไรก็ตาม การนำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวมาใช้หรือจัดหาผลประโยชน์ จะต้องอยู่ภายใต้บังคับของ มาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ.2541 ที่บัญญัติให้ บรรดารายได้และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยจะต้องจัดการเพื่อประโยชน์ภายในขอบวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย” คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) ให้ความเห็น