เยาวชน 3 จว.ใต้ วอนรัฐเร่งสร้างอาชีพ - สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน
เยาวชนเครือข่าย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หวังคนนอกเห็นความสวยงามของภาคใต้ แทนความรุนแรง พร้อมวอนหน่วยงานเกี่ยวข้อง ส่งเสริมอาชีพให้ต่อเนื่อง-ยั่งยืน และเพิ่มอำนาจการต่อรองให้ชุมชน
วันที่ 30 กรกฎาคม ที่สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) มีการจัดงาน “ชายแดนใต้-หัวใจเดียวกัน” มหกรรมศิลปวัฒนธรรม ดนตรี กวี ภาพ เพื่อชายแดนใต้ โดยสำนักหัวใจเดียวกัน ร่วมกับองค์กรต่างๆ เช่น กระทรวงวัฒนธรรม มูลนิธิซีเมนต์ไทย ฯลฯ ภายในงานได้มีการจัดเวทีเสวนาเรื่อง “CSR กับการช่วยเหลือเยาวชนชายแดนใต้” มี นายมะไฟซัน ดือราแม ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายเยาวชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, นางสาวสุรนุช ธงศิลา ผู้จัดการมูลนิธิซีเมนต์ไทย ร่วมเวทีเสวนา
นายมะไฟซัน ดือราแม กล่าวถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มเครือข่ายที่ผ่านมาว่า กลุ่มเครือข่ายเยาวชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีการจัดทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด เช่น การสร้างค่ายอาสา การเขียนหนังสือเล่าเรื่อง โดยจะเน้นให้บุคคลภายนอกให้มองเห็นอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่ใช่ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อถามถึงสิ่งที่ต้องการให้องค์กรหรือหน่วยงานลงไปช่วยเหลือ ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายเยาวชนฯ กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้ลงมาช่วยเหลือมากที่สุด คือในส่วนของการส่งเสริมด้านอาชีพ เพราะที่ผ่านมามีผู้ให้การสนับสนุนน้อย และไม่มีความต่อเนื่อง ทำให้ไม่เกิดอาชีพที่ยั่งยืนในชุมชน
“การส่งเสริมด้านอาชีพไม่ได้ช่วยให้มีความยั่งยืน เคยมีหน่วยงานและองค์กรที่ลงมาแต่ก็หายไป ไม่มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยคนในท้องถิ่นขอเพียงแค่ลงมาดูว่าชาวบ้านเป็นอย่างไรบ้าง เท่านั้นก็ทำให้คนที่ทำก็จะมีกำลังใจแล้ว และหากมีการส่งเสริมที่ดีแล้ว ชาวบ้านก็จะมีการรวมกลุ่มในอาชีพ ซึ่งจะเป็นการช่วยให้มีอำนาจในการต่อรอง และเป็นเกราะสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเองด้วย”
ด้านนางสาวสุรนุช ธงศิลา ผู้จัดการมูลนิธิซีเมนต์ไทย กล่าวว่า ทางมูลนิธิซีเมนต์ไทยได้มีโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมมานานแล้ว พร้อมมองว่า ปัจจุบันคำว่า CSR ได้กลายเป็น "วาทกรรม" ของบริษัทใหญ่ โดยภาคธุรกิจมุ่งหวังเพียงที่จะจัดโครงการเพื่อขยายผลและให้เกิดผลกระทบ แต่หากมองอีกแง่มุม ทำ CSR เหล่านี้ให้กระจายไปเต็มพื้นที่ ไม่ต้องใหญ่มาก ร่วมกันทำหลายๆคน ก็จะเกิดเป็นโครงการเล็กๆ และงดงาม
“การทำงานเพื่อสังคม ต้องมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับพื้นที่ที่จะลงไปทำ ให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วม แม้ว่าจะเป็นอาชีพที่เล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ทำให้คนในชุมชนภาคภูมิใจ และอยู่รอดได้”
ในช่วงท้ายของการเสวนา มีการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมฟังได้แลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็น โดย ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา กล่าวว่า คนภายนอกไม่เข้าใจ ต้นเหตุของปัญหาเกิดจากสาเหตุใด การที่เยาวชนไม่มีเวทีสำหรับการทำประโยชน์ ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลคิดว่า ทั่วประเทศมีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน
“เด็กในพื้นที่ภาคใต้ ต้องเรียนในหลักสูตรปกติ เรียนอัลกุรอ่าน และเรียนพิเศษเพิ่มเติมอีก เด็กและเยาวชนจึงไม่มีเวลา เพราะฉะนั้นการที่จะมาร่วมกิจกรรมเหมือนกับเด็กพื้นที่อื่นๆนั้นยาก ฉะนั้นทางกระทรวงศึกษาธิการและภาครัฐในพื้นที่ต้องหาโมเดลที่เหมาะสมกับในพื้นที่ ต้องให้เด็กและเยาวชนได้อยู่กับครอบครัว อยู่กับชุมชน”