กสทช.ตั้งคณะทำงานสอบ"แจสโมบาย"เคาะราคาประมูลคลื่น 900 เข้าข่ายผิด กม.ฮั้วหรือไม่

กทค. มีมติตั้งคณะทำงานพิจารณาความเสียหาย-พฤติกรรมแจสโมบายเคาะราคาประมูลเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐหรือไม่ ให้เสร็จภายใน 30 วัน ดึงอธิบดีอัยการมือปราบทุจริตเป็นประธาน เล็งเปิดประมูลใหม่คลื่น 900 ปลายมิถุนายน

ผู้สื่อข่าว"สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org" รายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559 เพื่อพิจารณากรณีที่ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ ไม่นำเงินประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHzงวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาทและหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน 72,000 ล้านบาทชำระให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่ชาติ(กสทช.) ภายในวันที่ 21 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา

โดยประเด็นสำคัญในการพิจารณา นอกจากมีมติให้ยึดเงินประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาทแล้ว ที่ประชุมยังมีมติให้แต่งตั้งคณะทำงาน 9 คนจากส่วนราชการต่างๆ มี นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีสำนักงานปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นประธาน ขึ้นมาพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีที่บริษัทแจสโมบายไม่มาชำระเงินค่าประมูลดังกล่าว รวมถึงพิจารณาและรวบรวมข้อเท็จจริงว่า บริษัทแจสโมบายมีพฤติกรรมในการเสนอราคาประมูลที่สูงเกินจริงเป็นการกีดกันคู่แข่งอย่างไม่เป็นธรรม เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือกฎหมายป้องกันการฮั้วประมูลหรือไม่

(อ่านประกอบ :ชะตากรรม"แจสโมบาย"จะโดนแค่คดีแพ่ง หรือพ่วงคดีอาญา?)            

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. แถลงว่า ที่ประชุมกทค.มติริบเงินประกัน ของบริษัท แจส โมบาย จำนวน 644 ล้านบาท เพื่อนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน และตั้งคณะทำงานตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยให้พิจารณาให้แล้วเสร็จเพื่อ เสนอ กทค.ภายใน 30 วัน คณะทำงาน มีนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นประธาน มีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา , ผุ้แทนกระทรวงกรมบัญชีกลาง , ผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, รองเลขาธิการ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง ซึ่งจะดูแลเรื่องเงื่อนไขว่า กรณี การถือใบอนุญาตของทีวีดิจิทัล ช่อง โมโน 29 จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ , ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายของสำนักงาน กสทช. เป็นคณะทำงาน

นายฐากร กล่าวว่า คณะทำงานจะดูว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ จะรายงาน กทค. ว่าจะสามารถดำเนินการเรื่องไหนได้บ้าง มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการประมูล และปัญหาที่เกิดขึ้น จะสามารถดูข้อมูลในขั้นตอนการเคาะราคาของบริษัท แจส โมบาย ในระหว่างวันที่ 15-19 ธันวาคม ปีที่แล้ว ว่าพบความผิดปกติอะไรหรือไม่

เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สำหรับการจัดประมูลใหม่นั้น สำนักงาน กสทช.จะเร่งรัดการประมูลให้เร็วที่สุดภายในขอบเขตกฎหมายโดยราคาตั้งต้น เป็นไปตามมติ กทค.เดิม ที่ราคา 75,654 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาสุดท้าย ที่บริษัท แจส โมบายบรอด ชนะประมูลโดยสำนักงาน กสทช. ได้เสนอที่ประชุม กทค. เกี่ยวกับแนวทางดำเนินการ เพื่อนำร่างประกาศฯ การประมูล รับฟังความเห็นสาธารณะ ซึ่งต้องใช้เวลารับฟังความเห็นประมาณ 30 วัน อย่างไรก็ตาม หากจัดรับฟังความเห็นสาธารณะแล้ว มีการเปลี่ยน ต้องสรุปอีกครั้ง โดยจะมีราคาที่เสนอในการรับฟังความเห็นด้วย คือ ราคาบริษัททรูมูฟเอช เคาะราคาสุดท้าย ในราคา 73,722 ล้านบาท , ราคาดีแทค ที่เสนอสุดท้าย 70,180 ล้านบาท และ ราคาที่เอไอเอสเสนอสุดท้าย ที่ 75,976 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะรับฟังความเห็น เพื่อหาราคาเริ่มต้นการประมูล ที่เหมาะสม แต่ราคาตั้งต้น จะต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่ดีแทคเสนอ และการเคาะราคาครั้งถัดไป ให้เพิ่มขึ้นรอบละ 2.5%

เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ส่วนการวางเงินค้ำประกันก่อนเข้าประมูล กทค. อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะให้วางในสัดส่วน 10% , 20% หรือ 30% ของราคาตั้งต้นการประมูล โดยแผนทั้งหมด จะเสนอที่ประชุม กทค. และ กสทช. วาระพิเศษ ในวันที่ 12 เมษายน 2559 คาดว่าจะเริ่มรับฟังความเห็นสาธารณะ วันที่ 18 เมษายน 2559 – 23 พฤษภาคม 2559 จากนั้น เสนอที่ประชุม กสทช. อีกครั้ง และคาดว่า จะประกาศราชกิจจานุเบกษา ให้ทันภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 จากนั้น สำนักงาน กสทช.จะออกประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ หรือประมาณ วันที่ 20 มิถุนายน 2559 เป็นต้นไป จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการเคาะราคาประมูล ภายในปลายเดือนมิถุนายน 2559

เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า กรณี ที่ไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลนั้น จะพักการประมูล 1 ปี แต่หลังจากนั้น จะทบทวนราคาตั้งต้นกันใหม่ ส่วนกรณีการประมูลรอบเดือนมิถายนนี้ บริษัท แจสโมบาย จะสามารถเข้าร่วมประมูล หรือ ตั้งบริษัท นอมินี เข้ามาร่วมประมูลด้วยได้หรือไม่ กทค. ยังไม่ได้กำหนดว่า สามารถทำได้หรือไม่ จะยังขอพิจารณาให้เกิดความชัดเจนก่อน