กยน. คลอดแผนจัดการน้ำระยะสั้น-ยาว พร้อมเสนอ ครม.27 ธ.ค.
นายกฯ นัดประชุม กยน. ได้ข้อยุติแผนแก้น้ำท่วมเร่งด่วน 6 เรื่องเข้า ครม. เดินหน้าจัดการป้องกันเขตพื้นที่ศก.อย่างยั่งยืน ยันแผนระยะสั้นเสร็จทันฤดูฝนปีหน้า แจงที่มางบฯ ในประเทศเพียงพอ แย้มหากกู้ ตปท. จะได้ข้อแนะนำทางวิชาการด้วย
วันที่ 26 ธันวาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำ (กยน.) ครั้งที่ 3/2554 โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้น นายวิเชียร ชวลิต เลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน และคณะกรรมการ กยน. ร่วมประชุม ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
“กิตติรัตน์” แจง 27 ธ.ค.รู้แนวเส้นทาง ‘ฟลัดเวย์’
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การประชุม ครั้งนี้ ได้มีข้อสรุปที่จะนำเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในวัน 27 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นแผนครอบคลุมภารกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในส่วนของแผนระยะสั้น หมายถึง การดำเนินการในเรื่องที่สามารถจะทำได้ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนไปจนถึง 1 ปี และเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นภายใน 4-5 เดือนข้างหน้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพร้อมที่จะเชิญกับฤดูฝนในปีหน้า ส่วนแผนระยะยาวเป็นเรื่องการดำเนินการด้านต่างๆ ที่จะทำให้การปกป้องความเสี่ยงทางอุทกภัยมีความสมบูรณ์ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด หลายโครงการเป็นเรื่องของการจัดหาพื้นที่ในการเก็บรักษาน้ำเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแก้มลิง อ่างเก็บน้ำหรือฝาย
“แผนที่จะทำเส้นทางระบายน้ำ หรือฟลัดเวย์ ที่ประชุมยังไม่มีข้อยุติว่าจะหมายถึงคลองขนาดใหญ่ หรือลักษณะการทำพื้นที่ให้พร้อมเป็นทางระบายน้ำจะเป็นไปตามฤดูกาลหรือถาวร ต้องมีการศึกษาให้รอบคอบอีกครั้งก่อน ในแผนจะมีแนวเส้นทางทั้งทางตะวันตกและตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เป็นเส้นทางการระบายน้ำที่สนับสนุนจังหวัดอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่สร้างเพื่อกทม. เท่านั้น”
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องเงินกู้ระยะยาว จะเสนอให้ ครม.รับทราบว่าการดำเนินโครงการทั้งในส่วนระยะเร่งด่วนและระยะยาวจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ การดำเนินการบางส่วนเป็นเรื่องการใช้งบประมาณประจำปีตามปกติ เช่น ซ่อมสร้างบางโครงการ ส่วนเงินที่ต้องกู้จะเป็นส่วนที่ต้องสร้างใหม่
“แผนโครงสร้างขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการระบุโครงการและการปฏิบัติงานแล้วหลายโครงการ ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ปีหน้าที่จะถึงนี้ น้ำจะท่วมหรือไม่ ยืนยันว่า ในพื้นที่ที่ได้รับการปกป้องจะไม่ท่วมอย่างแน่นอน นั่นหมายถึง เขตพื้นที่เศรษฐกิจหรือเขตที่ประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น แต่พื้นที่ที่มีความเสี่ยง คือพื้นที่เกษตรกรรมที่มีผู้อยู่อาศัยไม่มาก จะได้รับการประสานกับเกษตรกรหรือผู้อยู่อาศัยว่ารัฐจะขอดูแลอย่างดีในกรณีที่ได้รับผลกระทบ ที่กล่าวได้ว่าจะดูแลได้อย่างดีนั้น เนื่องจากมีจำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบน้อยและเป็นผู้เสียสละให้ระบบรวมได้รับความปลอดภัย”
เมื่อถามถึงแหล่งที่มาของเงินกู้ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่สามารถนำมาจากในประเทศได้เพียงพอ เพราะในประเทศมีสภาพคล่องและหนี้สาธารณะของประเทศก็ไม่สูง ฉะนั้น การที่รัฐบาลจะกู้เงินก็มีความพร้อม และถ้าจะกู้เงินเกือบทั้งหมดจากในประเทศก็สามารถทำได้ แต่ในบางกรณีถ้าจะกู้จากองค์กรต่างประเทศก็มีข้อดีที่สามารถได้รับข้อแนะนำทางวิชาการที่มีประโยชน์จากหน่วยงานเหล่านั้นมาด้วย
“พรุ่งนี้ ครม.จะรับทราบยอดรวมของงบประมาณที่ต้องใช้ ซึ่งแหล่งที่มาส่วนใหญ่จะเป็นเงินกู้ ส่วนจะกู้จากที่ใดนั้น อาจพิจารณาองค์กรที่มีความพร้อมทางวิชาการด้วย และพรุ่งนี้จะทราบได้ว่าแนวทางเส้นทางระบายน้ำ หรือฟลัดเวย์จะเริ่มต้นจากจุดใดไปยังจุดใด เพราะขณะนี้ทีมวิชาการได้บินสำรวจแล้ว จะทำให้เป็นประโยชน์ส่วนรวมมากที่สุด”
ดันแผนปี 55 ชงงบเร่งด่วน 12,117 ลบ. เข้าครม.
ขณะที่ นายปิติพงษ์ กล่าวว่า ประชุมมีมติเห็นชอบแผนป้องกันน้ำท่วมระยะเร่งด่วน ตามที่คณะกรรมการที่ตนเป็นประธานเสนอ โดยใช้วงเงินทั้งหมด 16,579 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการปี 55 จำนวน 12,117 ล้านบาท และโครงการปี 56 จำนวน 4,462 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้เป็นช่วงของการดำเนินการแผนโครงการก่อสร้างและสิ่งปลูกสร้างต่าง และระยะต่อไปคณะกรรมการ กยน.จะมีแผนของการพยากรณ์น้ำและการดูแลบริหารจัดการน้ำ
ด้าน นายวิเชียร กล่าวถึง งบประมาณแผนระยะสั้น 12,117 ล้านบาทว่า ส่วนใหญ่นำไปใช้ตามแผนและโครงการที่มีอยู่แล้ว การซ่อมแซมประตูระบายน้ำที่มีปัญหาอยู่ การเสริมคันกั้นน้ำปรับปรุงแนวถนน รวมถึงระบบทั้งหมดที่จะป้องกันน้ำท่วมได้ โดยแผนระยะสั้นต้องทำให้แล้วเสร็จภายในฤดูฝนหน้า ไม่เกินเดือน สิงหาคม
“สำหรับการทำแก้มลิง ต้องมีการพิจารณาในเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้ที่จะได้รับผลกระทบ เพราะคงปล่อยน้ำเข้าไปในค้างไว้ในพื้นที่เฉยๆไม่ได้ ฉะนั้นต้องมีวิธีการปรับในเรื่องสำคัญอย่าง การเพาะปลูก เพราะหากไม่มีการจัดการบริหารในเรื่องนี้ การผันน้ำเข้าไปในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมจะทำให้พืชพันธุ์เกิดความเสียหาย ซึ่งในส่วนนี้ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญได้มีข้อสรุปจากการศึกษาไว้แล้ว ว่าพื้นที่ที่จะมีผลกระทบจากน้ำท่วม จะมีผลกระทบพื้นที่ใดบ้าง และต้องเข้าไปแก้ปัญหาอย่างไร”
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า ในระยะยาวต้องมีการทำฟลัดเวย์ โดยในองค์ประกอบทั้งหมดต้องดูแลเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ต้นน้ำในเรื่องของการดูแลระบบนิเวศน์ จนถึงปลายน้ำในการบริหารจัดการให้น้ำไหลลงสู่ทะเล รวมถึงกรบริหารจัดการให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่ง ทั้งหมดนี้ต้องทำให้อย่างเร่งด่วน และต้องพิจารณาดูว่าอะไรจะทำให้เสร็จภายในฤดูกาล ปี 2555 ทั้งนี้ ต้องเร่งดำเนินการโดยใช้งบประมาณรัฐบาล ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการนำเข้าอนุมัติ เพื่อนำไปดำเนินการ
นอกจากนี้ นายวิเชียร ยังกล่าวถึง การจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษแบบชั่วคราวเพื่อให้ทันต่อฤดูกาลหน้า ก่อนที่จะมีการจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการแบบถาวร ซึ่งจะมีหน้าที่ในการบริหารจัดการน้ำแบบเด็ดขาด มีกรมชลประทานทำหน้าที่เป็นเลขานุการ และตัวแทนจากแต่ละหน่วยงาน เช่น กรมชลประทาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นคณะกรรมการ ส่วนตำแหน่งประธานยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
“ทางคณะกรรมการมอบหมายให้กรมชลประทานไปทำแผนในการบริหารน้ำในปีหน้าว่าจะต้องมีวิธีในการบริหารอย่างไร หลังจากนั้นส่งต่อให้คณะกรรมการ กยน. อนุมัติ แล้วจึงส่งแผนเป็นกรอบในการบริหารจัดการ ซึ่งต้องดำเนินการตามแผน โดยมีคณะกรรมการชุดดังกล่าวเป็นผู้กำกับแผน และเมื่อมีวิกฤต คณะกรรมการจะตัดสินใจในการที่จะแก้ปัญหา”
นายวิเชียร กล่าวและว่า คณะกรรมการชุดนี้ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามในระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนี้ เลขาธิการคณะกรรมการ กยน. กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนงานแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะเร่งด่วนใน 6 เรื่องหลัก ดังนี้ 1.การจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ 2.การซ่อมแซมประตูระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง และซ่อมแซมคันดินพระราชดำริ 3.การบริหารจัดการน้ำในเขื่อน 4.การช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่แก้มลิง 5.แผนเผชิญเหตุอุทกภัย 6.การระบายน้ำลงสู่ทะเล ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในวันที่ 27 ธ.ค. นี้
ส่วน นายปราโมทย์ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ได้ข้อยุติ ที่ค่อนข้างชัดเจน พร้อมที่จะนำข้อสรุปทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ทั้งยุทธศาสตร์เร่งด่วน เช่น การซ่อมแซมฟื้นฟูสิ่งต่างๆ ที่บกพร่อง ซึ่งมีการตั้งวงเงินไว้แล้ว ส่วนยุทธศาสตร์ระยะยาว หลักๆ จะเป็นการบริหารจัดการอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจทำอย่างไรให้อุทกภัยขับเคลื่อนออกไปจากพื้นที่นี้อย่างยั่งยืน
“มีหลายกระบวนการ เช่น ฟลัดเวย์ การจัดการพื้นที่ ซึ่งมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน รวมประมาณ 35,000 ตร.กม. เป็นพื้นที่ราบน้ำท่วมถึงที่มีเขตเศรษฐกิจอยู่จะจัดการทั้งหมด อาทิ บางบัวทอง และกทม. ขอบเขตเวลาของยุทธศาสตร์ระยะเร่งด่วนมีเป้าหมายให้สำเร็จในปี 2555 เป็นส่วนใหญ่ และมีบางส่วนที่จะสามารถทำให้สำเร็จในปี 2556 สำหรับแผนระยะยาวยังต้องใช้เวลา”
เมื่อถามถึงกรณีข้อสงสัยและคำทำนายเรื่องเขื่อนแตก นายปราโมทย์ กล่าวว่าในฐานะวิศวกรเขื่อน สำหรับเขื่อนภูมิพลจะสามารถรองรับได้แน่นอน และอยู่ไกลจากเหตุแผ่นดินไหวมาก และแม้จะเกิดแผ่นไหวประมาณ 7.5 ริกเตอร์ ก็จะไม่กระทบเขื่อนภูมิพลและเขื่อนศรีนครินทร์อย่างแน่นอน นอกเสียจากจะเกิดแผ่นดินไหวใต้ฐานเขื่อน ซึ่งคงไม่สามารถเป็นไปได้
ขณะที่ ดร.สมิทธ ธรรมสาโรช กล่าวถึงกรณีที่จะมีกระแสข่าวได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะทำงานวางระบบพยากรณ์น้ำว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ในส่วนของเรื่องการพยากรณ์ล่วงหน้า ก่อนหน้านี้ได้มีการเสนอต่อที่ประชุมฯ ไปแล้วเกี่ยวกับปริมาณฝนว่าจะตกมากน้อยเพียงใด น้ำจะเก็บไว้ในเขื่อนเท่าไหร่ หรือแต่ละเขื่อนควรปล่อยน้ำเท่าใด เพราะหากปล่อยมาพร้อมๆ กันน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ได้
“ปริมาณฝนสามารถคำนวณได้ทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์และนำข้อมูลทั่วโลกมาคำนวณ อีกทั้งการพยากรณ์สามารถทำล่วงหน้าได้เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน ในลักษณะระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เราทำได้ เตือนได้ ทั้งนี้ได้มีการเสนอต่อที่ประชุมฯ แล้วเช่นกันให้มีการแต่งตั้งนักศึกษาปริญญาเอกของประเทศไทย จำนวน 4 คนเข้ามาเป็นคณะกรรมการในเรื่องการพยากรณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นมีการแต่งตั้งใดๆ”
ส่วนถ้า กยน. แต่งตั้งคณะทำงานวางระบบพยากรณ์น้ำขึ้นมาจริง ดร.สมิทธ กล่าวว่า อย่างแรกที่จะทำคือดึงบุคคลดังกล่าวเข้ามาร่วมทำงาน เพราะมีประสบการณ์และทำงานร่วมกับตนมากว่า 40 ปี ถ้าจะแต่งตั้งเฉพาะตนคนเดียวคงไม่มีประโยชน์ ต้องมายกทีม