รบ.จับมือกทม. คลอด 12 มาตรการ ป้องน้ำท่วมเมืองหลวง
เขียนวันที่
วันพฤหัสบดี ที่ 26 มกราคม 2555 เวลา 22:44 น.
เขียนโดย
ณัฐนันท์ อิทธิยาภรณ์
"อานนท์" เผย กทม. แจงรัฐบาลติดขัดปัญหาขุดลอกท่อในพื้นที่เอกชน ขณะที่ กทม.เลือกใช้บริการทหารขุดลอกคลองเกือบ 400 คลอง พร้อมสร้างเครื่องดันน้ำ
วันที่ 26 มกราคม นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงข่าวภายหลังการประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีการหารือร่วมถึงมาตรการป้องกันกรุงเทพฯ ให้ปราศจากน้ำท่วมให้ได้ โดยที่ประชุมเห็นชอบมาตรการ 12 ดังนี้
1.รัฐบาลจะเข้าไปช่วย กทม. เพื่อป้องกันน้ำท่วม โดยส่งรัฐมนตรีเข้าไปช่วย
2.งบประมาณที่ กทม. ได้รับไปแล้วจำนวน 1,964 ล้านบาท กทม.จะนำไปใช้ดำเนินการใน 4 เรื่องคือ 1) ซ่อมแซมเขื่อนตามลำน้ำ คลองที่สำคัญ 2) ติดตั้งเครื่องดันน้ำเพิ่มเติม 3) ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม 4) ปรับปรุงการระบายน้ำของคลองภาษีเจริญ
3.เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดยขุดลอก 29 คูคลองขนาดใหญ่ ซึ่ง กทม. ยินดีที่จะให้หน่วยงานที่มีขีดความสามารถ อาทิ กองทัพ เข้ามาช่วยดำเนินการ โดยจะตัดงบประมาณจาก กทม. ได้รับให้แก่กองทัพ
4. กองทัพเรือ จะสร้างเครื่องดันน้ำเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นอีก 100 เครื่อง เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
5.กองทัพเรือและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะร่วมกันทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการออกแบบและติดตั้งเครื่องดันน้ำถาวรตามจุดต่างๆ ที่แต่ละจังหวัดร้องขอ
6.กองทัพบก จะรับขุดลอกคูคลองขนาดเล็กให้อีก 347 คลอง งบประมาณ 770 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณจำนวนดังกล่าว คณะกรรมการ กยน.จะเป็นผู้อนุมัติให้แก่กองทัพบกโดยตรง
7.การอุดตันของท่อระบายน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่เอกชน เช่น หมู่บ้านจัดสรร กทม. และกระทรวงมหาดไทยจะร่วมกันหารือกับหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้
8.ระบบเตือนภัย ซึ่ง กทม. ได้งบประมาณไปแล้วจำนวน 24 ล้านบาท กทม.จะถอดงบฯ ดังกล่าวมาร่วมกับคณะทำงานของ กยน. เพื่อสร้างระบบเตือนภัยของประเทศ กับ กทม. ให้เชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกัน เพื่อจะไปได้รู้ที่มาที่ไปของน้ำตั้งแต่ต้นทาง
9. กทม.มีการร้องขอว่า หากน้ำเหนือลงมาจำนวนมาก อยากให้มีการไหลลงมาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ไม่อยากเห็นการบล็อกพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใด เช่น บริเวณคลองระพีพัฒน์อย่างเช่นในปีที่ผ่านมา เนื่องจากทำให้การไหลของน้ำสะดุ้ง น้ำเข้าไปท่วมพื้นที่ กทม. ในบางจุด
10.กทม. ขอให้กระทรวงมหาดไทยเข้าไปช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณรอยต่อของจังหวัดที่ติดกับ กทม. เพื่อให้เข้าใจระบบการระบายน้ำของ กทม. เนื่องจากในปีที่แล้วเกิดการเผชิญหน้าขึ้น
11.กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังทำแผนเผชิญเหตุน้ำท่วม โดยจะจัดให้มีคลังเครื่องมือไว้ตามพื้นที่ต่างๆ เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมจะได้เบิกเครื่องสูบน้ำ ดันน้ำ เสื้อชูชีพ เรือได้ทันที
12.การบุกรุกลำคลองในพื้นที่ กทม. ซึ่งหากเป็นคลองขนาดเล็ก กทม. ยืนยันว่าจะสามารถแก้ไขได้ทันในปีนี้ ส่วนคลองขนาดใหญ่ กทม. ขอให้เป็นนโยบายร่วมกันระหว่าง กทม. กับ รัฐบาล เนื่องจากมีประชาชนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นร่วมกันว่า จะต้องหาทางระบายน้ำผ่านทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ให้ได้ โดยขณะนี้พบแล้วว่า จุดที่ทำให้น้ำติดขัด ได้แก่ บริเวณใต้สะพาน เนื่องจากสร้างสะพานแล้วไม่รื้อนั่งร้าน สะพานหลายแห่งสร้างขวางทางน้ำ ดังนั้น จะต้องทะลุทะลวงคูคลองให้ได้ นอกจากนี้ยังจะมีนโยบายกำหนดให้สะพานที่ข้ามคลองส่งน้ำ ห้ามมีเสา หรือตอหม้อ
นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า ผลของข้อตกลงดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเกิดความสบายใจว่า น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯ หรือหากสุดวิสัยก็จะท่วมไม่มาก มีระยะเวลาสั้น และความเสียหายน้อย ขณะเดียวกันผู้ลงทุนจะได้สบายใจเช่นกันว่า พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจจะได้รับการปกป้อง 100%
เมื่อถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า มาตรการ 12 ข้อดังกล่าว รัฐบาล กับ กทม. จะทำงานร่วมกันได้ นายปลอดประสพ กล่าวว่า มีข้อตกลงร่วมกันแล้ว ส่วนเรื่องการเมืองนั้นได้พูดคุยกันแล้วว่า ต้องละเรื่องการเมืองไว้ก่อน เพราะขณะนี้ไม่ใช่สมัยการเลือกตั้ง เรื่องการเมืองเอาไว้ตอนเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งทาง กทม.ก็เห็นด้วยว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่จะต้องมาช่วยรักษากรุงเทพ
ขณะที่ ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการ กยน. กล่าวถึงผลประชุมด้วยว่า ที่ประชุมได้มีการเร่งรัดให้มีการขุดลอกคูคลองโดยรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่กองทัพบกจะเข้าไปช่วยดำเนินการ ขณะที่ กทม.จะเข้าไปดูแลในส่วนที่อนุมัติงบฯไปแล้ว และที่ต้องของบประมาณเพิ่มเติม
ส่วนจะต้องมีการขุดลอกคูคลองบริเวณได้บ้างนั้น ดร.อานนท์ กล่าวว่า กองทัพ และ กทม. มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีรายการและแผนที่ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งมีจำนวน 300 กว่าคลองที่ต้องดำเนินการ แต่ที่ประชุมในวันนี้ได้มีการเสนอให้มีการขุดลอกคูคลองเพิ่มเติมอีก 29 คลอง โดยมีการอนุมัติงบประมาณไปแล้ว ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดจะต้องแล้วเสร็จก่อนฤดูฝน คาดว่า สามารถทำได้ทัน
“การขุดลอกคูคลองเป็นกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้เวลานาน คลองขนาดเล็กสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลา 1-2 วัน เพราะฉะนั้น บางคนอาจวิตกกังวลเกินไป ส่วนเรื่องงบประมาณนั้น ไม่มีปัญหา เชื่อว่าวันนี้คงไม่มีใครกังวล เพราะงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการไปแล้วนั้น ในส่วนที่ต้องให้กองทัพบกดำเนินการ งบฯ จะตัดตรงไปที่กองทัพเลย จำนวนเงินประมาณ 10% จากงบประมาณจำนวน 1,964 ล้านบาท หรือในส่วนที่ให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการ เช่น ขุดลอกท่อระบายน้ำ ก็จะตัดงบตรงไปที่กรมราชทัณฑ์เช่นกัน”
ดร.อานนท์ กล่าวถึงการหารือในเรื่องของเครื่องผลักดันน้ำ เนื่องจากปีที่ผ่านเห็นประโยชน์ว่าเครื่องผลักดันน้ำ โดยเฉพาะที่กรมอู่ทหารเรือทำขึ้นมีประสิทธิภาพสูง ราคาถูกกว่าซื้อจากต่างประเทศเป็น 10 เท่า จึงมอบหมายให้ในปีนี้ดำเนินการจัดสร้างเพิ่มให้ครบจำนวน 100 เครื่องจากเดิมที่มีอยู่เพียง 24 เครื่อง เพื่อจะได้นำไปใช้ระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯและเขตปริมณฑลให้รวดเร็วขึ้น
ส่วนความชัดเจนในเรื่องของการกำหนดพื้นที่แก้มลิง พื้นที่รับน้ำนั้น ในส่วน กทม. จะใช้มีพื้นที่แก้มลิง พื้นที่รับน้ำที่มีอยู่เดิมทางฝั่งตะวันตก เนื้อที่ประมาณ 70 ตารางกิโลเมตร (1 ตร.กม มีพื้นที่ประมาณ 625ไร่) ส่วนการสร้างพื้นที่รับน้ำใหม่ในพื้นที่ กทม. นั้น ยังไม่มีการพูดถึง
เมื่อถามว่า กทม. ได้มีการแจ้งความขัดข้องในการดำเนินการต่อที่ประชุมบ้างหรือไม่ นายอานนท์ กล่าวว่า มีการแจ้งในเรื่องของกฎระเบียบบางประการ เช่น การเข้าไปขุดลอกท่อระบายน้ำในพื้นที่เอกชนที่ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือกรณีที่ กทม. ต้องบริหารทั้งน้ำฝนและน้ำหลาก แต่หลักการบริหารยังแยกส่วนกันอยู่ เนื่องจากการบริหารน้ำฝนใช้หลักการยกระดับน้ำให้สูง เพื่อจะเร่งให้มีการระบายน้ำอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาแค่หลักชั่วโมง แต่การบริหารน้ำหลากนั้น ต้องใช้ระบบที่มีศักยภาพมากกว่า ดังนั้น จึงอยู่ที่ว่าจะบรูณาการ 2 ระบบให้เข้ากันได้อย่างไร แต่กรณีดังกล่าว คงไม่สามารถแก้ไขได้ภายในระยะ 2 เดือน จึงต้องนำไปใส่ไว้ในแผนระยะยาว เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาเรื่องการรุกล้ำคูคลอง ซึ่งการรุกล้ำดังกล่าวมีทั้งในส่วนของเอกชนและราชการ