- Home
- Isranews
- ข่าว
- เวทีเสวนา มธบ.ชี้ช่องทีวีล้นแข่งเรตติ้งดุต้นต่อดราม่าในข่าว-แนะผลิตเนื้อหาเชิงลึกยกมาตรฐาน
เวทีเสวนา มธบ.ชี้ช่องทีวีล้นแข่งเรตติ้งดุต้นต่อดราม่าในข่าว-แนะผลิตเนื้อหาเชิงลึกยกมาตรฐาน
น.ศ.ปริญญาโท มธบ. จัดเวทีเสวนาวิชาการ "Drama ในข่าวสร้างสรรค์หรือทำลายในยุคสื่อดิจิทัล” คณบดีนิเทศฯ ชี้ต้นต่อปัญหามาจากช่องทีวีไทยมีจำนวนมากเกินไป ส่งผลเกิดภาวะแข่งขันเรียกเรตติ้งสูง 'ขยี้ประเด็นแรง-เล่นใหญ่เล่าข่าวเกินข้อเท็จจริง' ด้าน 'พุทธอภิวรรณ' พิธีกรดังอมรินทร์ทีวี เชื่อสื่อทีวีจะล้มตายอีกมาก หากไม่ปรับตัว ผลิตเนื้อหาคุณภาพ สร้างความแตกต่างโซเชียลมีเดีย 'ดีเจเคนโด้' ปูดอยากได้ยอดสูงขอประเด็นข่าวเพจดังทำ!
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2561 ที่ผ่านมา นักศึกษาหลักสูตรปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้จัดเสวนาวิชาการเรื่อง “Drama ใน ข่าว สร้างสรรค์หรือทำลายในยุคสื่อดิจิทัล” โดยมีนายกอบกิจ ประดิษฐผลพานิช คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ 'ดีเจเคนโด้' ผู้ประกาศข่าวช่อง GMM25 นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี พิธีกรและผู้ประกาศข่าวช่อง อมรินทร์ทีวี และนายพิภู พุ่มแก้ว ผู้ประกาศข่าวจากสำนักข่าว the standard เข้าร่วมการเสวนา
นายกอบกิจ ประดิษฐผลพานิช คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ ระบุว่า ความดราม่าในการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนปัจจุบัน เป็นผลมาจากจำนวนช่องทีวีในประเทศไทยมีจำนวนมากเกินไป ทำให้ช่องทีวีต่างๆ ต้องแข่งขันกันผลิตเนื้อหาเพื่อสร้างความสนใจเรียกเรตติ้งผู้ชมโดยใช้วิธีการต่างๆ มาดึงดูความสนใจ ทั้งการขยี้ประเด็นข่าวให้แรงขึ้น รวมไปถึงการเล่าข่าวที่ต้องเล่นใหญ่เกินความเป็นจริง
"ความดราม่าในโลกโซเชียลมีเดีย ถือเป็นตัวจุดชนวนความดราม่าในสังคมข้อมูลข่าวสารประเทศไทยยุคปัจจุบัน และลามมาถึงการทำงานของสื่อมวลชน ในมุมมองนักวิชาการเห็นสัญญาณอันตรายเกิดขึ้นจำนวนมาก อาทิ การไล่ล่าแม่มดในโลกออนไลน์ ที่ในช่วงหลังมีการขยายวงลามไปล่าคนในครอบครัวแม่มดที่ถูกล่าด้วย ขณะที่ประเทศไทยยังขาดนโยบายในการกำกับดูแลด้านเนื้อหา ว่าสิ่งไหนที่ทำได้ส่ิงไหนที่ทำไม่ได้ จึงทำให้นับวันปัญหาการสื่อสารของคนในโลกออนไลน์ จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แตกต่างจากต่างประเทศให้ความสำคัญและตระหนักถึงปัญหาเรื่องนี้เป็นอย่างมาก"
ส่วนนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ 'ดีเจเคนโด้' ผู้ประกาศข่าวช่อง GMM25 กล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้ผู้ประกาศข่าวต้องเปลี่ยนวิธีการเล่าข่าวใหม่ มาเล่นใหญ่ให้น่าสนใจ เป็นผลสืบเนื่องมาจากลักษณะการบริโภคข้อมูลข่าวสารของคนในสังคมไทยปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิม ผู้ชมส่วนใหญ่ ต้องการเสพข่าวที่มีการย่อยเรื่องให้เข้าใจง่ายๆ มีลีลาประกอบการเล่าเรื่องที่น่าสนใจชวนให้ติดตาม อย่างไรก็ดี เรื่องนี้จะไม่สร้างปัญหาให้กับผู้รับข่าวสาร หากการทำงานของสื่อมวลชน ยังอยู่ภายใต้อุดมการณ์นำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ การนำเสนอข้อมูลข่าวสารยังอยู่ภายใต้ข้อเท็จจริง ไม่มีผลประโยชน์ธุรกิจแอบแฝง หรือทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
"ในยุคสื่อโซเชียลมีเดีย สื่อต้องยกระดับการทำงานให้มีคุณภาพมาตรฐานมากขึ้น ต้องคิดต้องทำประเด็นข่าวให้แตกต่าง เพราะเราสู้ความเร็วเพจต่างๆไม่ได้ อย่าทำข่าวเพื่อคาดหวังให้เพจดังเอาไปแชร์ต่อเพื่อหวังให้มีคนดูมากอย่างเดียว ที่ผ่านมาผมมีโอกาสพูดคุยกับเพจดังบางเพจ ได้รับเสียงบ่นมาว่า มีสื่อบางแห่งโทรไปขอประเด็นข่าวมาทำ หรือขอให้ช่วยแชร์ข่าวให้ เพราะหวังว่าข่าวจะได้รับความสนใจ คนดูเยอะ ได้เรตติ้งดี ซึ่งในมุมมองของเพจดัง เขาเห็นว่าสื่อไม่จำเป็นต้องขอให้เขาแชร์ต่อ เพราะถ้าเราทำข่าวได้ดีมีความแตกต่าง เขาก็จะเอาข้อมูลข่าวไปแชร์ต่อเองอยู่แล้ว เพราะเขาก็มีข้อจำกัดในการหาข้อมูลเชิงลึก ที่สื่อทำได้มากกว่า"
นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี พิธีกรและผู้ประกาศข่าวช่อง อมรินทร์ทีวี ระบุว่า เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีสื่อทีวีล้มตายหายไปอีกมาก เพราะปรับตัวไม่ทัน หนทางที่จะทำให้สื่อเหลืออยู่รอดได้ในยุคนี้ สื่อนั้นจะต้องผลิตเนื้อหาข้อมูลข่าวสารให้มีความแตกต่าง จากข้อมูลที่ถูกนำเสนอในโซเชียลมีเดียทั่วไป เน้นการทำข่าวหาข้อมูลเชิงลึก เลือกนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
"เราต้องยอมรับความจริงว่า ในการทำสื่อทีวี เรตติ้งผู้ชมมีความสำคัญ เป็นสิ่งที่นายทุนเจ้าของสื่อต้องการเห็น เพราะถ้าทำงานไม่ได้เรตติ้งเราก็อยู่ไม่รอด แต่ผมคิดว่าสิ่งที่จะทำให้สื่ออยู่รอดได้ในยุคนี้ คือ ความแตกต่างในการนำเสนอข้อมูลจากช่องอื่น ต้องรู้จักฉีกประเด็นข่าว ต่อยอดหาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม ไม่ใช่ทำข่าวนำเสนอข่าวรูทีนไปวันๆ ไม่หาข้อเท็จจริงอะไรเพิ่มเติม ส่วนการนำข้อมูลจากสื่อโซเชียลมาเสนอต่อ ผมคิดว่าสามารถทำได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอทุกครั้ง ไม่ใช่เอามาเสนอต่อเลยโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆทั้งสิ้น"
ส่วน นายพิภู พุ่มแก้ว ผู้ประกาศข่าวจากสำนักข่าว the standard กล่าวว่า ในยุคสื่อปัจจุบัน ทำให้ทุกคนเป็นสื่อได้ เพราะทุกคนสามารถสื่อสารได้ แต่การจะทำให้ทุกคนเป็นสื่อที่แท้จริงได้เป็นเรื่องยาก เพราะการจะเป็นสื่อที่แท้จริง ต้องมีหลักในการทำงานในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่จะต้องมีการตรวจสอบคัดกรองความถูกต้อง ซึ่งการผลิตเนื้อหาข่าวสาร เจาะลึกข้อมูลอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงมีความจำเป็นอย่างมาก จะช่วยยกระดับการทำงานสื่อให้แตกต่างจากประชาชนทั่วไปได้ และถ้าสื่อทำแบบนี้ได้ ก็จะช่วยยกระดับการสื่อสารของประชาชนทำให้ตามด้วย จะเป็นการยกระดับการสื่อสารสังคมไทยทั้งประเทศ