DGM ผู้ชนะอี-พาสปอร์ต15 ล้านเล่ม งดเปรียบเทียบของในไทย-ยันประสบการณ์100ปีลูกค้าทั่วโลก

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 04 กรกฎาคม 2562 เวลา 08:32 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

กิจการร่วมค้า DGM ออกแถลงการณ์ชี้แจงประกวดราคาอี-พาสปอร์ต 15 ล้านเล่ม 7.4 พันล. ยันเคารพกระบวนการประมูลเกณฑ์มาตรฐานการประเมินรัฐบาลไทย ไม่ขอแสดงความเห็นเชิงเปรียบเทียบคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยหนังสือเดินทางไทยที่มีอยู่ ระบุ Gemalto หุ้นส่วนธุรกิจ มีประสบการณ์กว่า 100 ปี ลูกค้าหลายประเทศทั่วโลก มาตราฐานสูงกว่าข้อกำหนด ICAO

picididididididi004 7 19

สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการประกวดราคาจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 15 ล้านเล่ม วงเงิน 7.4 พันล้านบาท โดยล่าสุดได้นำเสนอผลการให้คะแนน และราคา ที่กิจการร่วมค้า 4 กลุ่ม คือ กิจการร่วมค้า จันวาณิชย์ (บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด และบริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้ พริ้นท์ติ้ง จำกัด) กิจการร่วมค้า TIM (บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด, IDEMIA (ฝรั่งเศส) MSC และ CP) กิจการร่วมค้า WIN (สามารถ, ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์, MSCS, Dermalug (เยอรมัน) และ กิจการร่วมค้า DGM Consortium เสนอต่อกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งพบว่า กิจการร่วมค้า DGM Consortium เฉือนชนะ จันวาณิชย์ 0.6 คะแนน แต่เสนอราคาสูงกว่า 466 ล้านบาท ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอ้างว่าเงื่อนไขในการประมูลให้น้ำหนักที่ประสิทธิภาพ 60% แต่ให้น้ำหนักในด้านราคาเพียง 40% เท่านั้น (อ่านประกอบ : DGM เฉือนชนะจันวาณิชย์ 0.6 คะแนน! ล้วงผลประกวดราคาอี-พาสปอร์ต15ล้านเล่ม-จ่อร้องศาลปค.ต่อ, เปิดคำชี้แจง 3 กลุ่มเอกชน โต้บัวแก้วจัดซื้ออี-พาสปอร์ต 15 ล้านเล่ม 7.4 พันล.)

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2562 ที่ผ่านมา กิจการร่วมค้า DGM Consortium ได้ส่งแถลงการณ์ชี้แจงการเข้าร่วมประกวดรราคางานจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 มาให้สำนักข่าวอิศรา รับทราบ

ระบุว่า "กลุ่มบริษัท DGM Consortium เคารพกระบวนการประมูลงานและเกณฑ์มาตรฐานการประเมินของรัฐบาลไทยสำหรับโครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Passport) เราจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ในเชิงเปรียบเทียบเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของหนังสือเดินทางไทยที่มีอยู่"

"อย่างไรก็ตาม เราสามารถกล่าวได้ว่ากลุ่มบริษัท DGM Consortium ได้รวม Gemalto (บริษัทในเครือของ Thales) ซึ่งทั้งคู่เป็นซัพพลายเออร์หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ประเภทเทคโนโลยีขั้นสูงและมีความปลอดภัยสูงให้กับนานาประเทศทั่วโลก Gemalto (บริษัทในเครือ Thales) มีประสบการณ์กว่า 100 ปีในด้านการรักษาความปลอดภัยในการพิมพ์ และประสบการณ์ 30 ปีในด้านการพัฒนา การยืนยัน การเจาะจงตัวตน โซลูชันการออกคำสั่งและบริการซอฟท์แวร์แบบฝัง และมีประสบการณ์กว่า 20 ปี ในด้านการผลิตโพลีคาร์บอเนตดาต้าเพจ ในปัจจุบันกลุ่มบริษัทนี้ให้บริการโปรแกรมหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์กว่า 30 โปรแกรมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งประกอบไปด้วยฟินแลนด์ สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา"

"หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ของเราเป็นไปตามข้อกำหนดที่เข้มงวดของ ICAO (International Civil Aviation Organization) สำหรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว และในหลายๆ กรณีผลิตภัณฑ์ของเรามีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ ICAO กำหนด ซึ่งเป็นการมอบระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่าสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศและเอกสารระบุตัวตน เรามีความประสงค์ที่จะแสดงการยืนยันต่อประชาชนไทยว่ากลุ่มบริษัท DGM Consortium ได้รับการรับรองจากรัฐบาลไทยสำหรับโครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ และเราจะมอบหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่สูงกว่าข้อกำหนดของ ICAO" กิจการร่วมค้า DGM Consortium ระบุ

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลจากสื่อต่างประเทศพบว่า บริษัท Gelmalto ผู้ผลิตชิปและโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยในต่างประเทศ หนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใช้ชื่อว่า DGM Consortium (ประกอบด้วย บริษัท ดาต้าโปรดักส์ ทอปปัง ฟอร์ม และ บริษัท Gelmato ) ที่ปรากฎชื่อเป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 จำนวน 15 ล้านเล่ม หรือ ภายในระยะเวลา 7 ปีแล้วแต่กรณีใดจะถึงก่อน โดยเสนอราคา 7,463,250,000.00 บาท ต่ำกว่าราคากลาง 12,438,750,000 บาท เฉลี่ยเล่มละ 497.55 บาท ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ประกาศผลเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2562

เคยปรากฎเป็นข่าวว่า ในช่วงเดือน ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ แห่งนี้ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศเอสโตเนีย ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท Gemalto เป็นเงินจำนวน 152 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,354 ล้านบาท จากกรณีการตรวจสอบพบช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัยในบัตรประชาชนซึ่งถูกผลิตโดยบริษัท Gemalto ช่วงประมาณปี 2560 จนทำให้ต้องมีการเรียกคืนบัตรประชาชนจำนวนหนึ่ง

ขณะที่ นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงสำนักข่าวอิศราว่า "ไม่ทราบรายละเอียดในกรณีดังกล่าวนี้ อย่างไรก็ตามบริษัท Gelmato เป็นบริษัทข้ามชาติ อาจจะมีกรณีร้องเรียนต่างๆได้ทั่วโลก ซึ่งตรงนี้ทางกระทรวงต่างประเทศก็คงไม่อาจจะก้าวล่วงได้"

"ส่วนข้อห่วงใยประเด็นเรื่องความรั่วไหลของข้อมูลนั้น ต้องขอเรียนว่าการเก็บข้อมูลในระบบของบัตรประชาชนและการเก็บข้อมูลในหนังสือเดินทางนั้นถือว่าไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง เรียกได้ว่าเป็นคนละบริบทกันเลย สิ่งที่ทางบริษัทจะต้องดำเนินงานจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยที่ระบุไว้ชัดเจนในเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้างที่บริษัทได้ผ่านเกณฑ์มา" นายชาตรีกล่าว

เมื่อถามต่อถึงบริบทที่แตกต่างกันในเรื่องการเก็บข้อมูลระหว่างบัตรประชาชนกับหนังสือเดินทางเป็นอย่างไร นายชาตรี ชี้แจง 2 ประเด็น คือ " 1.การเก็บข้อมูลในบัตรประชาชนของประเทศไทยจะจัดเก็บข้อมูลที่สำนักทะเบียนราษฎร์ กระทวงมหาดไทย ส่วนการเก็บข้อมูลหนังสือเดินทางนั้นจะอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งการเก็บข้อมูลของกระทรวงต่างประเทศนั้นจะเก็บข้อมูลแบบชีวมาตรซึ่งมีความแตกต่างจากบัตรประชาชน 2.การเก็บข้อมูลนั้นต้องได้มาตรฐาน ISO ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ทางบริษัทต้องยึดถือ ซึ่งบริษัท Gelmalto ก็ได้รับมาตรฐานนี้แล้วต้องปฏิบัติตาม"

“เรามีสัญญาชัดเจนว่าข้อมูลพวกนี้ห้ามส่งออก เอาออกนอกประเทศ ต้องอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ต้องอยู่กระทรวงต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งการประมูลจัดทำหนังสือเดินทางที่ผ่านมา มีแต่ทางบริษัทไทยที่เข้ามาประกวดราคา และทางกระทรวงต่างประเทศได้ทำสัญญากับบริษัทสัญชาติไทยเท่านั้นซึ่งบริษัทไทยเหล่านี้เขาก็ตั้งกลุ่มเป็นกลุ่มการค้าที่มีการนำเอาเทคโนโลยีจากบริษัทต่างประเทศที่เขาเป็นพาร์ทเนอร์มาใช้ในการทำหนังสือเดินทาง" อธิบดีกรมการกงสุลระบุ

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/