“สมเกียรติ” ขึ้นเวทีกปปส.โชว์อารยะขัดขืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"รัฐบาลยิ่งลักษณ์"
“สมเกียรติ” ขึ้นเวที กปปส. ประกาศจุดยืนอารยะขัดขืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขอดื้อแพ่งไม่เชื่อฟัง ลั่นถ้าถูกคุมขัง หรือตาย เป็นโอกาสอันดีในชีวิต ย้ำม็อบต้องสงบ ชุมนุมมีอารยธรรม แนะวิธีอารยะขัดขืน 6 ข้อ เชื่อจบช้าจบเร็ว ชัยนะเป็นของประชาชนแน่
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 22 มกราคม 2557 ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งบนเวทีคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนงแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่อโศกว่า ที่มาในวันนี้เพราะประกาศภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากว่าตนเป็นนักอหิงสาตามหลักวิชาการ และลูกศิษย์ของมหาตมะ คานธี การที่รัฐประกาศอำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ตนจึงดื้อแพ่ง ไม่เชื่อไม่ฟังที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯฉบับนี้ แต่ตนก็รู้ว่าพลเมืองดีในการแสดงอารยะขัดขืนหรือดื้อแพ่งต่อกฎหมายไม่เป็นธรรมนั้น กฎหมายยังอยู่ ยังมีสิทธิ์ใช้ตามมกฎหมายอยู่
“ถ้าวันนี้จะถูกจับ ถูกคุมขัง ถูกตีจนบาดเจ็บ หรือถูกระเบิดจนตาย ต้องยอมรับไม่ว่าวันนี้ หรือเมื่อไหร่ ผมถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่สุดในชีวิต 66 ปีของผม จะได้มีโอกาสบาดเจ็บกับเขาบ้าง หรือถ้าได้ตายก็จะเป็นโอกาสสำคัญของชีวิตเหมือนกัน ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ติดคุกกับเขาบ้างก็พอ” ดร.สมเกียรติ กล่าว
ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า ถ้าเราใช้ความรุนแรงต่อสู้กับความรุนแรง ในฐานะที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน เราควรจะเคารพสันติในการต่อสู้ด้วยกัน ในทางตรงกันข้าม การใช้ความรุนแรงก็ไม่สามารถหยุดความหยาบช้าเหล่านั้นได้อย่างถาวร เพราะผู้ทำบาปได้เปลี่ยนไปแล้วด้วยพลานุภาพความไม่รุนแรงของพวกเรา ดังนั้นเราจึงจะต้องมีคุณสมบัติของคนที่มีวินัยในการต่อสู้ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่หวั่นไหวแก่ภัยที่จะเกิดกับเรา
ดร.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า มีการต่อสู้อีกแบบที่พูด 2 เดือนเศษ ที่เรียกว่าอารยะขัดขืน หรือดื้อแพ่ง หมายถึงการไม่เชื่อฟังอย่างผู้มีอารยธรรม คือเป็นการชุมนุมโดยสงบ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปจับ หรือไปลากเขามาทำร้ายก็จะเป็นอารยะขัดขืนที่มีอารยธรรม
“ทั้งนี้รัฐบาลที่ประเทศอังกฤษก็ดื้อไม่แพ้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเช่นกัน ดังนั้นผมจึงได้คัดลอกวิธีการจากหนังสือของคานธี มีคำแนะนำในการแสดงออกซึ่งอารยะขัดขืนหลายข้อ คือ 1.ให้คืนตำแหน่งหรือเกียรติยศรางวัลต่าง ๆ จากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 2.ให้ลาออกจากราชการ 3.ให้ถอนตัวจากงานตำรวจ งานทหาร 4.งดการเสียภาษี 5.ปิดโรงเรียนหรือไม่ไปโรงเรียน และ 6.คว่ำบาตรสภานิติบัญญัติ หรือรัฐสภา” ดร.สมเกียรติ กล่าว
ดร.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า อหิงสา ตามคำพูดของคานธี บอกว่าให้ก่อตั้งและบริหารจัดการสถาบันใหม่ของมวลมหาประชาชนแทนองค์กรที่เราประท้วงไม่ร่วมมือด้วยดังกล่าว ทั้งนี้นายสุเทพ พูดถึงการตั้งสภาประชาชน หรือรัฐบาลจากบุคคลที่เป็นกลางเชื่อถือได้ รายละเอียดอาจถกเถียงกัน และนายสุเทพพูดเรื่องนี้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ทั้งนี้ตนพลิกตำราของคานธีมาอ่านเหมือนกันเป๊ะ
“ในฐานะที่เคยสอนเรื่องนี้มาก่อนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยากเสนอหรือเตือนว่า เราต้องระมัดระวังมากในรูปแบบของกระบวนการต่อสู้กับยิ่งลักษณ์ เพราะว่าการต่อสู้ของเราถ้าดูตัวอย่างทีเกิดในอินเดีย อาจทำให้รัฐบาลที่โหดร้ายอยู่แล้วอ้างเป็นเหตุกระทำการโหดร้ายมากขึ้น สุเทพบอกแล้วว่าจะต้องไม่ให้ประชาชานต้องเดือดร้อนทุกข์ยากมากเกินกว่าที่จะทำเป็น จากกระทำของรัฐบาลผู้กดขี่” ดร.สมเกียรติ กล่าว
ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า สุดท้ายตนดูจากประวัติศาสตร์การต่อสู้ของอินเดีย และมนุษยชาติบนโลกใบนี้ ในการต่อต้านอำนาจรัฐไม่เป็นธรรม การต่อสู้ไม่ง่าย ไม่สั้น ไม่จบเร็ว ถ้าจบเร็วตนถือว่าเป็นความมหัศจรรย์ เพราะความเถื่อน ความเลว ความเห็นแก่ตัวของผู้มีอำนาจ มักทำให้เกิดกิเลศเกาะลึกยาวนาน และหาเหตุผลอ้างว่าเราต้องอยู่ ไม่มีทางเลือก กฎหมายไม่อำนวย รัฐธรรมนูญไม่เปิดช่อง
“แต่จะจบช้าหรือเร็ว ผมวิเคราะห์ดูแล้วด้วยหลักคิด และหลักวิชาการ หลักประวัติศาสตร์ ผมมั่นใจว่า ไม่ว่าจะจบช้าหรือเร็วก็ได้ทั้งสิ้น แต่ว่าต้องจบเป็นชัยชนะของมวลมหาประชาชนแน่นอน อันนี้ไม่ได้ขึ้นมาพูดเพื่อเอาใจ เห็นเป็นพวกเดียวกัน ไม่ได้พูดเพื่อเชียร์ แต่พูดด้วยความมั่นใจว่าไม่มีทางอื่น นอกจากชัยชนะของประชาชน” ดร.สมเกียรติ กล่าว
ดร.สมเกียรติ ยังกล่าวย้ำว่า ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง ไม่มีทางเลือกอื่น แต่เป็นทางเลือกที่เป็นความหวังที่อ่อนล้าเต็มที เปรียบเสมือนคนลอยคอกำลังจะจมน้ำ เพียงแต่เกาะหญ้าน้อยลอยปริ่มน้ำเท่านั้นแต่องค์การ Crisi Internaltional Group สรุปว่า หญ้าปล้องน้อยที่ลอยจะจมมิจมแหล่ที่กรุงเทพ เป็นความหวังเดียวของประชาชนชาวไทย ไม่มีความหวังอื่น ทางเลือกอื่นที่ทัดเทียมมาตรฐานอานารยะประเทศในโลกมนุษย์ใบนี้
"ผมต้องการให้ความหวังที่มันลอยปริ่มน้ำขณะนี้ เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เป็นความจริงที่สร้างสังคมให้สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่สุเทพต้องการ สร้างสังคมประชาธิปไตยให้สมบูรณ์เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต ให้รุ่งเรื่อง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดไป ให้ชาติไทยและคนไทยอยู่บนโลกใบนี้อย่าสง่างาม และเป็นที่เคารพของพลเมืองชาติอื่น ๆ ในโลก"
ดร.สมเกียรติ กล่าวยืนยันว่า "ผมจึงมาที่นี่เพื่อร่วมปฏิรูปประเทศไทยกับท่านทั้งหลายก่อนการเลือกตั้ง และถ้ามีการเลือกตั้ง ผมจะไม่ไปเลือกตั้ง ตราบใดที่ยังไม่ปฏิรูป"