นปช.ประกาศกร้าวเข้าสู่สถานการณ์ต่อสู้100 % ไม่หวั่นเหตุรุนแรง
นปช. ประกาศกร้าวเข้าสู่สถานการณ์ต่อสู้ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่หวั่นเหตุรุนแรง "ณัฐวัฒิ" ย้ำให้รับฟังแถลงข่าวทุกวัน แย้มมีอุ่นเครื่องต่างจังหวัดก่อนเข้ากรุงเทพ

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ที่บริเวณอาคารลิปตพัลลภฮอลล์ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทั่วประเทศนัดชุมนุมใหญ่ภายใต้ชื่อ “นปช.ลั่นกลองรบ วางยุทธศาสตร์รับมือฝ่ายตรงข้าม” โดยจะมีการเชิญแกนนำ นปช. แต่จังหวัดทั่วประเทศเข้ามาหารือ ระดมความคิดเห็น พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อปกป้องรักษาระบอบประชาธิปไตย โดยเน้นการดำเนินการแบบสันติวิธี
โดยในการชุมนุมดังกล่าว เริ่มตั้งแต่เวลา 9.30 น. มีแกนนำส่วนกลางหลายคนเข้าร่วมด้วย เช่น นางธิดา ถาวรเศรษฐ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายณัฐวุมิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ นอกจากนี้ยังมีนายจารุงพงษ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าวอีกด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอแนะของแกนนำแต่ละจังหวัดเสร็จสิ้น เมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการณ์รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวปราศรัยว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปขอให้เข้าสู่สถานการณ์ต่อสู้ของคนเสื้อแดง นปช. แม้ยังไม่มีเวทีใหญ่ในกรุงเทพ แต่ขอให้ถืออยู่ในสถานการณ์ต่อสู้ 100 เปอร์เซ็นต์ และขอให้พี่น้องกลับไปบ้านระดมสมอง ติดตามการแถลงข่าวของแกนนำ นปช. ในช่วงบ่ายทุกวัน นั่นจะเป็นการประกาศมติ นั่นเป็นการกำหนดภารกิจ นั่นเป็นการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ให้พี่น้องได้ช่วยกันแสดงออก และตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอให้เข้าบรรยากาศเช่นนั้น ขอให้รับฟัง สื่อสารระหว่างกัน
“เขาจะพยายามเหลือเกินในการทำให้สถานการณ์นี้กดดันกองทัพ กดดันทุกฝ่ายในบ้านเมือง เพื่อออกมาฉีกกติกาเพื่ออ้างว่าผ่าทางตัน เราต้องสุขุมรอบคอบ หนักแน่น เอากันตามสะใจ ใส่กันตามอารมณ์ไม่ได้ เที่ยวนี้ชัยชนะที่แท้จริงของประชาชนคือปกป้องประชาธิปไตยเอาไว้ให้ได้ โดยเราไม่ต้องเสียใครเพิ่มแม้แต่อีกสักรายเดียวอีกต่อไป” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อาจมีการวอร์มอัพกันที่ต่างจังหวัดก่อน โยกไปซ้าย ย้ายไปขวา โยกมาหน้า ย้อนไปหลัง โยกไปโยกมา พอสุเทพตาลาย เข้ากรุงเทพพร้อมกัน โดยของพรรค์นี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เป็นสำคัญ ถ้าสถานการณ์มันทีเด็ดทีขาด จำเป็นต้องตัดสินใจเข้าฮอส พวกตนจะชวนท่านเข้าฮอส ถ้าสถานการณ์จำเป็นต้องคุมเชิง โฉบไปโฉบมา ก็จะต้องว่ากันในอีกรูปแบบหนึ่ง
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ถ้าเราชนะ เราทำสำเร็จ สำหรับนายสุเทพ เราจะเอาไว้ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ หรือเรือนจำอื่น ๆ ตามแต่โทษานุโทษ แต่เราจะไม่ประกาศแบบสุเทพ ว่าถ้าเราชนะ เราจะไล่ใครออกนอกประเทศ เราจะยึดทรัพย์ เราจะจับขัง เพราะเราไม่ได้ต้องการยึดกุมอำนาจถึงเพียงนั้น เราต้องการให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไปตามกระบวนการ นี่คือสิ่งที่เราต้องการ นี่คือประเทศที่เราต้องการให้มันเป็น ถ้ามีคนขัดขวางและทำลายอย่างที่เห็น รวมใจกันแล้วก็ต่อสู้ให้เด็ดขาดกันไปเลย
“ใครถือหางสุเทพอยู่ ไม่ต้องมาถือพวกผม เพราะผมไม่มีหาง ดังนั้น ที่ไปถือหางข้างโน้น เอาเถอะถ้าท่านเชื่อตามที่สุเทพพูดว่านั่นคือมวลมหาประชาชน นั่นคือพลังของคนส่วนใหญ่ ว่าเสื้อแดงไม่มีแล้ว นปช. รวมพลังไม่ได้ ถ้าท่านเชื่อแบบนั้น ตามสบาย แต่ผมยืนยันว่า นี่แหละของจริง” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า เจตนาแท้จริงของแกนนำ นปช. ทีอยากจะให้เวทีนี้ และการประกาศการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการประกาศการต่อสู้ที่พี่น้องมวลชนได้มีส่วนร่วม ได้สะท้อนความรู้สึก ได้สะท้อนความคิดเห็นเท่านั้น แต่ไม่ใช่มีการประชุมในทางยุทธศาสตร์โดยถ่ายทอดสดให้ผู้คนเห็นด้วยทั่วกัน หรือประกาศแผนการต่อสู้ต่อหน้าฝ่ายเดียวกันและฝ่ายตรงข้าม เพราะถ้าพวกผมปัญญาน้อยขนาดนั้นคงไม่กล้าประกาศสู้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และพวกอย่างแน่นอน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีคำถามจากพี่น้องแกนนำต่างจังหวัดหลายท่านที่ถาม แล้วเป็นหน้าที่ที่แกนนำต้องมีคำตอบ หรือมีความมั่นใจมามอบให้ เช่น มันจะปลอดภัยไหม เตรียมการอะไรหรือยัง ประเมินฝ่ายตรงข้ามเห็นไหมว่าอะไรเป็นอะไร การจัดการจะเป็นแบบไหน การเคลื่อนขบวนจะทำอย่างใด ทำเลหรือยุทธภูมิ มีความพร้อมในทุกด้านเพียงใด ก็เรียนว่า หลายคำถามที่ท่านถาม มีคำตอบ แต่ตนตอบบนเวทีในบรรยากาศถ่ายทอดสดแบบนี้ไม่ได้ แต่เอาเป็นว่า นับตั้งแต่วันที่ 30 พฤจิกายน 2556 พวกเราทำงานหนักในการติดตามสถานการณ์ทางการเมืองมาโดยตลอด เราพยายามประเมินจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเราเอง และของฝ่ายตรงข้าม เราพยายามจับต้องควมจริงที่ปรากฏในสถานการณ์จากทุกแง่มุม และเอามาเตรียมการ เตรียมความพร้อม จนในที่สุดเราเห็นว่าสถานกาณณ์สุกงอม และเรามีควมพร้อมมากพอ จึงชวนท่านมาที่นี่
“งานหลายเรื่องที่เป็นงานโครงสร้าง งานเตรียมการ ทำเสร็จแล้ว งานที่เป็นเรื่องระบบ การจัดการ เหลือเพียงประกอบภารกิจส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกันเท่านั้น ก็จะเรียบร้อย สิ่งที่ควรทำ สิ่งที่ควรมี สิ่งที่ควรให้ความมั่นใจ กับพี่น้องที่ร่วมต่อสู้ได้ เราก็ได้ทำไปอย่างคืบหน้า เป็นที่หน้าพอใจ ผมให้ความมั่นใจกับท่านได้ ณ วันนี้ ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกผมคิดออก ทุกสิ่งที่ทุกผมทำได้ ทุกสิ่งที่ศักยภาพเราถึง เราทำทุกอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และขณะนี้มีความพร้อมที่กล้ามายืนต่อหน้า อะไรที่เกินกำลังเรา เกินศักยภาพเรา เกินขีดความสามารถเรา เราก็ได้พยายามประสานงาน พยายามพูดคุยกับกลุ่มคนที่เขามีขีดความสามารถ ศักยภาพ และขณะนี้คืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ ผมตอบได้เท่านี้ เอาไปตีให้ตายก็ตอบได้เท่านี้ แต่ในใจบอกท่านได้ว่ามีมากมายกว่าที่พูดบนเวทีนี้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สถานการณ์เวลานี้ มีกลุ่มคนที่มีเจตนาร้ายต่อระบอบประชาธิปไตย ทั้งในทางเปิดเผย และปิดลับ ในทางเปิดเผยคือนายสุเทพ และพวก ชี้ได้ด้วยซ้ำไปว่ากลุ่มเครือข่ายเบื้องหลังก็ถือว่าเป็นกองกำลังทางเปิดเผยเพราะเราเห็นหมดแล้ว ไม่ว่าคุณจะซ่อนตรงไหน แต่ว่ากลุ่มในทางปิดลับ และกำลังมีความเคลื่อนไหวที่อันตราย คือขบวนการสร้างความรุนแรง สร้างสถานการณ์ที่มีการก่อเหตุทั้งในกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส ส่วนกลาง และขณะนี้ขยายความรุนแรงไปยังส่วนภูมิภาค
“ผมพูดตรง ๆ ว่าเรากังวล ถ้าเราไม่เห็นว่าสถานการณ์มันถึงคราวคับขัน ที่ประชาชนต้องออกมาแสดงพลังยืนยันเจตนารมณ์ก็อาจไม่ชวนมาวันนี้ แต่เราประเมินรอบด้าน คิดอ่านแล้ว ถ้าไม่แสดงพลังตั้งแต่วันนี้ มันอาจไม่มีพื้นที่ให้เราได้แสดงพลัง และแสดงการต่อสู้ก่อนที่จะสูญเสียประชาธิปไตยไป และไม่มีใครยืนยันควมปลอดภัยให้ท่านได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หากพี่น้องประเมินสถานการณ์ภายใต้รูปการณ์แบบนี้ไม่ขอมีส่วนร่วมกับการต่อสู้ นั่นเป็นเสรีภาพ พี่น้องสามารถอยู่บ้าน นั่งให้กำลังใจพวกเราที่จะออกมา ไม่ว่ากัน แต่พวกผมตัดสินใจแล้ว พวกผมเห็นว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามรุกไล่ กดขี่ เหยียบย่ำขณะนี้ ไม่ว่าจะแพ้ ไม่ว่าจะชนะ ไม่ว่าจะเจ็บ หรือตาย ไม่ว่าจะเสี่ยงอันตรายปานใด ขอให้ได้สู้สุดหัวใจเสียก่อน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมแกนนำแต่ละจังหวัดดังกล่าว จะให้แกนนำขึ้นไปให้ข้อเสนอแนะแก่คนเสื้อแดง และ นปช.ส่วนกลาง เป็นเวลาประมาณ 2 – 3 นาที แบ่งเป็นแต่ภาคคือภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพและปริมณฑล และภาคใต้
โดยแกนนำส่วนใหญ่เสนอว่า หากรัฐบาลถูกโค่นล้มด้วยอำนาจนอกระบบ หรืออำนาจที่ไม่เป็นธรรม คนเสื้อแดงจำเป็นต้องรวมตัวกันออกมาปกป้องรัฐบาลโดยด่วน โดยแบ่งเป็น 2 มาตรการคือฝ่ายบู๊ และฝ่ายบุ๋น และไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่จะตั้งรัฐบาลประชาชน และสภาประชาชนอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอีกด้วย
