"สตง." ชง "ประยุทธ์" เช็คบิลงานซื้ออุปกรณ์ทีวีดิจิตอล 976 ล้าน ช่อง 11

"สตง." ร่อนหนังสือถึง "ประยุทธ์" จี้เช็คบิลงานจัดซื้ออุปกรณ์ทีวีดิจิตอล ช่อง 11 วงเงิน 976 ล้าน หลังพบล็อกสเปคอุปกรณ์ เผยแจ้งกรมประชาสัมพันธ์ให้ทบทวนแล้ว แต่เรื่องเงียบหาย หวั่นลักไก่เดินหน้าทำสัญญาต่อ เกิดความเสียหายต่อการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน 

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในช่วงปลายเดือนมิ.ย. 57 ที่ผ่านมา  สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้พิจารณาตรวจสอบการจัดจ้างโครงการเปลี่ยนผ่านระบบการส่งโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกสู่ระบบดิจิตอลระยะที่ 1 ของกรมประชาสัมพันธ์ (ช่อง 11) วงเงิน 976 ล้านบาท 

ระบุเนื้อหาสำคัญ ว่า ตามที่สตง. ได้รับข้อมูลการวิจารณ์ร่างขอบเขตของทีโออาร์ โครงการเปลี่ยนผ่านระบบการส่งโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกสู่ระบบดิจิตอล ระยะที่ 1 วงเงินงบประมาณ 976,112,743 บาท ว่ามีการล็อกสเปคอุปกรณ์ต่างๆ จึงได้แจ้งให้กรมประชาสัมพันธ์ แก้ไขหรือทบทวนร่างขอบเขตของงาน เกี่ยวกับการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์ต่างๆ ให้เปิดกว้างเพื่อมิให้เกิดประโยชน์แก้ผู้เสนอราคารายใดรายหนึ่ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเงินแผ่นดินและมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ แต่ สตง. ยังไม่ได้รับแจ้งผลการดำเนินการจากกรมประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด

สตง.พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีข้างต้นเป็นการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน หากไม่ดำเนินการด้วยความรอบคอบ อาจก่อให้เกิดความเสียหายทำให้ทางราชการต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น และการที่กรมประชาสัมพันธ์ไม่แจ้งผลการดำเนินการ และหากยังคงมีการจัดหาต่อไปโดยไม่มีการแก้ไขร่างทีโออาร์ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเข้าแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย โปร่งใส และเป็นธรรมอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ

ลงชื่อ น.ส.ประพีร์ อังกินันทน์

รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการแทน

ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจสอบพบว่า ภายหลังจากที่กรมประชาสัมพันธ์ได้รับใบอนุญาตทีวีดิจิตอลจาก กสทช. เรียบร้อยแล้ว กรมประชาสัมพันธ์ ได้ดำเนินการจัดซื้ออุปกรณ์ส่งสัญญาณเพื่อนำมาใช้ติดตั้งในสถานีวิทยุโทรทัศน์ทั่วประเทศ ให้เป็นระบบดิจิตอล โดยตั้งงบประมาณไว้สูงถึง 980 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การจัดซื้อเครื่องส่งสัญญาณดังกล่าว ถูกตั้งข้อสังเกตถึงความโปร่งใสหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการนำวิธีพิเศษมาใช้ในการดำเนินการแทนที่จะเป็นการเปิดประมูล เพื่อเปิดกว้างให้เกิดการแข่งขันสู้ราคาของผู้ประกอบการ ขณะที่การตั้งงบประมาณจัดซื้อก็สูงกว่าสถานีโทรทัศน์อื่นที่มีการจัดซื้อเหมือนกัน เช่น ททบ.5 , ไทยพีบีเอส

และได้รับการยืนยันข้อมูลจากคนในกรมประชาสัมพันธ์  ว่า การจัดซื้อเครื่องสังสัญญาณครั้งนี้ มีบริษัทเอกชนที่มีความใกล้ชิดกับนักการเมืองใหญ่อยู่เบื้องหลัง และพยายามบีบให้กรมประชาฯ รีบดำเนินการกระบวนการจัดซื้อให้เสร็จเรียบร้อยก่อนถึงวันเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557 สตง. ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ ตผ 0019/271 ถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้แจ้งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ สั่งทบทวนการจัดซื้อให้ดำเนินการตามระเบียบ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงและหลักฐานประกอบการดำเนินงานด้วย

สตง. ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นในการจัดซื้อเครื่องส่งสัญญาณ ระบบทีวีดิจิตอล ของกรมประชาสัมพันธ์ ในเฟสแรก 18 สถานีหลัก จำนวน 33 เครื่อง ด้วยวิธีพิเศษ มีการตั้งวงเงินไว้จำนวนกว่า  980  ล้านบาท เป็นการดำเนินการที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ประสงค์จะเสนอราคาได้ทราบถึงข้อมูลและรายละเอียดขอบเขตของงาน รวมถึงการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของเครื่องมือ ไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อาจเข้าข่ายตามพรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของ รัฐ พ.ศ. 2542

สตง.ยังระบุด้วยว่า จากการเปรียบเทียบข้อมูลการจัดหาของ ททบ. 5 จำนวน 2 โครงข่าย38 สถานี 114 เครื่องส่งโทรทัศน์ และไทยพีบีเอส จำนวน 1 โครงข่าย 44 สถานี 88 เครื่อง พบว่าดำเนินการโดยการประมูลในวงเงินที่ต่ำกว่ากรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการ

ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า เตรียมที่จะยกเลิกการประกวดราคาจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าว แต่ข้อท้วงติงก่อนที่เรื่องจะเงียบหายไป จนกระทั่งล่าสุด สตง. ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง หลังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากกรมประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด 

อ่านประกอบ : 

บ.เครือข่ายนักการเมืองใหญ่ จ้องตะครุบงบซื้ออุปกรณ์ทีวีดิจิตอล ช่อง 11

สตง.จี้ ยิ่งลักษณ์ สั่งกรมประชาฯ ทบทวนซื้อเครื่องส่งทีวีดิจิตอลช่อง 11