- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- อุตุฯชี้ 13 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วมดินถล่มซ้ำ - เตือนฝนถล่มภาคใต้ 10 ม.ค.
อุตุฯชี้ 13 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วมดินถล่มซ้ำ - เตือนฝนถล่มภาคใต้ 10 ม.ค.
อุตุฯชี้ 13 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วมดินถล่มซ้ำ - ระดมฮ.บินส่งเสบียงเตือนฝนถล่มภาคใต้ 10 ม.ค."ฉัตรชัย"นัดถกมาตรการ ช่วยเกษตรกรวันนี้ รฟท.เดินรถ16ขบวนถึงทุ่งสง
อุตุฯเตือนฝนถล่มภาคใต้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 10 ม.ค.มีฝนหนักหลายพื้นที่ กำชับ 13 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำท่วม-ดินถล่มซ้ำ อีกระลอก ขณะที่ส่วนราชการเร่งระดม ความช่วยเหลือ "กองทัพ-กระทรวงเกษตรฯ" บินส่งเสบียงพื้นที่ถูกน้ำตัดขาดโลกภายนอก "ฉัตรชัย"เรียกประชุมด่วนวันนี้กำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ด้านกรมทางหลวงเร่งซ่อมแซมเส้นทาง-รถไฟ 16 ขบวนวิ่งได้ถึงทุ่งสง สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้อาจหนักขึ้นในอีก 1-2 วันข้างหน้าจากฝนตกหนักซ้ำเติมพื้นที่น้ำท่วม โดยกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าลักษณะสภาพอากาศในฝั่งอันดามันยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ ฝั่งตะวันตก เคลื่อนตัวทางทิศเหนืออย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนเข้าอ่าวมะตะบันและประเทศเมียนมาในวันที่ 10 ม.ค.2560 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต และกระบี่ กรมอุตฯ เตือนให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ปริมาณฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
เตือน13จังหวัดรับมือฝนถล่มซ้ำ
ขณะที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่าจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่10 จังหวัดภาคใต้รวม 91 อำเภอ 569 ตำบล 4,205 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 330,318 ครัวเรือน 958,602 คน ผู้เสียชีวิต 19 ราย สูญหาย 1 ราย สถานที่ราชการเสียหาย 5 แห่ง ถนน 218 จุด คอสะพาน 59 แห่ง
ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ จ.ยะลา และระนอง ยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด รวม 85 อำเภอ 523 ตำบล 4,020 หมู่บ้านที่ยังได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้ โดยภาพรวมยังคงมีฝนตกและ ระดับน้ำเริ่มลดลง ยกเว้นจ.นครศรีธรรมราช และชุมพร ที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้น และนราธิวาส ระดับน้ำทรงตัว
ทั้งนี้ ล่าสุดได้ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่ามรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่างและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ดังนั้นปภ.จึงได้ประสานจังหวัดดังกล่าวและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมืออุทกภัยและดินถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างใกล้ชิด
"ฉัตรชัย"ถกวันนี้แผนช่วยเกษตรกร
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ถือว่าหนักสุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งยังคงเฝ้าระวังวิกฤติหลายพื้นที่ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้อย่างเต็มที่ โดยในวันนี้(9 ม.ค.) จะเรียกประชุมทุกหน่วยงานและศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติการเกษตร เพื่อวางมาตรการแก้ไขความเสียหายและมาตรการให้ความช่วยเหลือพื้นที่เกษตรให้กลับสู่ปกติโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดีได้ย้ำให้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาเกษตรกรกรณีฉุกเฉินได้รับผลกระทบครัวเรือนละ 3,000 บาท อีกทั้งขณะนี้ได้เร่งช่วยเหลือเฉพาะหน้า โดยสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 400 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์ฝนหลวง 5 ลำ เครื่องผลักดันน้ำ การอพยพสัตว์ แจกเสบียงสัตว์ ตรวจการเรือตรวจการประมง 60 ลำ เสบียงอาหารสัตว์ 1,200,000 กิโลกรัม
เดินรถไฟเพิ่ม16ขบวนถึงทุ่งสง
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมทางรถไฟสายใต้เริ่มคลี่คลาย ทำให้การรถไฟฯ สามารถระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายการช่างโยธาเข้าซ่อมแซมสภาพเส้นทางที่ได้รับความเสียหายจนสามารถเปิดเดินรถเส้นทางสายใต้ได้ถึงสถานีชุมทางทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช อีกทั้งยังสามารถเปิดให้บริการเดินรถเพิ่มจากเมื่อวันที่ 7 ม.ค. จำนวน 10 ขบวน เพิ่มเป็น 16 ขบวน ขณะเดียวกันยังมีขบวนที่ยังคงงดให้บริการเดินรถได้แก่รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ที่ 31/32 กรุงเทพ - ชุมทางหาดใหญ่ - กรุงเทพ,รถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 45/46 กรุงเทพ - ปาดังเบซาร์ - กรุงเทพ, รถด่วนพิเศษที่ 41/42 กรุงเทพ - ยะลา - กรุงเทพ และ รถเร็วที่ 169/170 กรุงเทพ - ยะลา - กรุงเทพ สำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วล่วงหน้าไปยังจังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้แล้ว สามารถติดต่อเพื่อขอคืนเงินค่าโดยสารได้เต็มราคา อย่างไรก็ดีการรถไฟฯได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดในการตรวจสอบและซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุดโดยเร็วที่สุด
ทางหลวงเร่งเปิดเส้นทางสัญจร ด้านกรมทางหลวงได้รายงานสรุปเหตุการณ์ภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินในเส้นทางสายหลักที่จะเดินทางไปสู่ภาคใต้ว่า มีสภาวะน้ำท่วมพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง และ สุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 13 สายทาง การจราจรสามารถผ่านได้ 8 แห่ง ผ่านไม่ได้ 9 แห่ง
โดยขณะนี้หมวดทางหลวงในพื้นที่ ได้แก้ไขปัญหาในเบื้องต้นคือช่วยให้การจราจรผ่านได้ก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่สะพานขาด โดยศูนย์สร้างทางและศูนย์สร้างและบูรณะสะพานในพื้นที่ ได้เข้าพื้นที่แก้ไขโดยใช้เวลาอย่างรวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ถูกน้ำตัดขาดเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยหลายพื้นที่มีการร้องขอเรือท้องแบน และเจ็ตสกีเพื่อเข้าช่วยเหลือ ขณะเดียวกันหน่วยทหารและกระทรวงเกษตรฯ ได้นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินเพื่อส่งอาหาร น้ำดื่มช่วยเหลือประชาชน
เตรียมแผนแก้น้ำท่วมนครศรีฯ
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าจากการลงพื้นที่ของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้สั่งการมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ หาแนวทางติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ทั้งในระยะสั้น กลาง และ ระยะยาว
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่หลายโครงการ อาทิ โครงการอ่างเก็บน้ำวังหีบ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการบรรเทาปัญหาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช สำหรับจ.นครศรีธรรมราชโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเทศบาลนครศรีธรรมราช ที่ผ่านมา หากเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 2-3 วันก็จะประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำโดยเฉพาะในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.ของทุกปี ซึ่งที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาน้ำท่วมรุนแรงในปี 2531 ปี 2539 ปี 2543 และปี 2554 แต่ละครั้งล้วนสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล
ทั้งนี้ โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชถือเป็นโครงการที่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาในรูปแบบใหม่ที่มองการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการในเชิงพื้นที่ ประกอบด้วย 1.กลุ่มโครงการตัดยอดน้ำก่อนเข้าเมือง ได้แก่ การขุดคลองระบายน้ำ จำนวน 3 สาย พร้อมขยายสะพานรถยนต์และสะพานรถไฟ การปรับปรุงคลองธรรมชาติ จำนวน 3 สาย ได้แก่ คลองหยวด คลองวังวัวและคลองตรุด รวมทั้งก่อสร้างประตูระบายน้ำ จำนวน 6 แห่ง และ 2. กลุ่มโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำในเมือง อาทิ สร้างเขื่อนริมตลิ่งคลอง และการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการเร่งระบายแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมืองนครศรีธรรมราช สำหรับความก้าวหน้าของการดำเนินการในปัจจุบัน กรมชลประทานได้ดำเนินการออกแบบโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จและพร้อมเสนอขออนุมัติโครงการต่อคณะรัฐมนตรีและหากได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ก็จะเริ่มดำเนินการตามผลการศึกษาได้ภายในปี 2561
ขอขอบคุณข่าวจาก

