- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ผ่าน'หลักการ' 10กฎหมายลูก กรธ.เร่งเนื้อหา
ผ่าน'หลักการ' 10กฎหมายลูก กรธ.เร่งเนื้อหา
กรธ.เผยวางหลักการกฎหมายลูก 10 ฉบับ เสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงลงบทบัญญัติ พิจารณารายละเอียด เตรียมทำเอกสารยืนยันการรับฟังความเห็นสอดคล้อง รธน.ใหม่ มาตรา 77 สปท.นัดประชุมทบทวนความคืบหน้า รายงานปฏิรูป
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ตามที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติกำหนดให้ กรธ. จัดทำจำนวน 10 ฉบับ ว่าขณะนี้กรธ. ผ่านการพิจารณาเพื่อวางหลักการของร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญไว้ทุกฉบับแล้ว เหลือเพียงการจัดทำบทบัญญัติและพิจารณารายละเอียดของเนื้อหาดังนั้นก่อนที่รัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ กรธ. จึงมีเวลาพิจารณาเนื้อหาพอสมควร จากเดิมที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติกำหนดเวลาจัดทำ 240 วัน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีบทบังคับไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในมาตรา 77 กรณีทำกฎหมายต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนร่วมด้วย ดังนั้นกรธ. จึงพิจารณาว่าอาจทำเอกสารชี้แจงและระบุรายละเอียดต่อประเด็นที่ กรธ. เคยรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเด็นที่แก้ไขกฎหมายตามการรับฟังความเห็นของประชาชน เพื่อแสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมา กรธ. มีกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนอย่างรอบด้านและทุกแง่มุมตามที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญใหม่บังคับไว้
"มาตรา 77 ที่รัฐธรรมนูญใหม่กำหนดไว้นั้น ไม่ใช่เป็นเงื่อนไขที่กลายเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของกรธ. เพราะที่ผ่านมาเราได้รับฟังความเห็นจากหลายภาคส่วนแล้ว โดยชั้นนี้จะทำรายละเอียดเพื่อเสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ฐานะ ผู้พิจารณาร่างกฎหมายด้วย" นายอุดม กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 มี.ค. มีวาระรายงานผลการขับเคลื่อนการปฏิรูป เรื่องการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งเป็น 1 ใน 27 วาระปฏิรูปเร่งด่วน ในกลุ่มเศรษฐกิจอนาคต ที่คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กำหนดให้เป็นประเด็นที่ต้องทำให้แล้วเสร็จภายในปี 2560
ในสาระสำคัญของรายงาน ฉบับแรก คือเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มีข้อเสนอให้ออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) พ.ศ..... เพื่อบูรณาการงานด้านเศรษฐกิจที่กระจายอยู่ใน 10 หน่วยงาน ของ 7 กระทรวง ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่การเสนอแผนการปฏิรูป โดยคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ สปท. ตั้งแต่ 28 มี.ค. ขณะนี้ การดำเนินการไม่มีความคืบหน้าเพราะร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ยังไม่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงขาดกลไกตรวจสอบ ประสานงาน และผลักดัน แผนส่งเสริมเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรม
ดังนั้น ในรายงานฉบับดังกล่าวจึงเสนอให้ ป.ย.ป. จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนแผนพัฒนา เศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ต่อ ครม. รวมถึงเสนอให้ยกระดับโครงการย่านสร้างสรรค์ในพื้นที่กทม. และภูมิภาคให้เป็นงานระดับชาติ เพื่อให้มีกิจกรรมเคลื่อนไหวในย่านเศรษฐกิจ โดยจัดงบประมาณสนับสนุน ตั้งแต่ปี 2560-2565 ด้วย
สำหรับรายงานฉบับที่สอง เรื่องการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มีข้อเสนอในด้านการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวผ่านการจัดตั้งสำนักงานนโยบายและขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผ่านการออกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ปรับโครงสร้างคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททช.) โดยเพิ่มสัดส่วนกรรมการที่มาจากภาคเอกชน ในพื้นที่ กลุ่มสถาบันการศึกษา และผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ขณะที่การท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ ต้องตั้งคณะกรรมการเพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้เป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
ขณะที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ที่เป็นองค์กรอิสระ ภายใต้การดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องย้ายมาให้อยู่ในสังกัดกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนการพัฒนา การท่องเที่ยวในส่วนข้อมูล ต้องปฏิรูประบบข้อมูลคนเข้าเมือง โดยให้ผู้ประกอบการ ด้านที่พักต้องเป็นสถานประกอบการตามกฎหมาย ที่มีมาตรฐานและความปลอดภัย
ทั้งนี้ธุรกิจที่พักต้องจัดให้ผู้เข้าพักลงทะเบียน โดยเฉพาะคนต่างชาติ โดยรายงานฉบับดังกล่าว ที่ประชุมสปท. ได้ลงมติเห็นชอบเมื่อ 20 ก.พ. 60 แต่ไม่พบว่าได้ดำเนินการตามข้อเสนอ จึงทำความเห็นให้ ป.ย.ป.จัดลำดับความสำคัญและเร่งรัดการทำงานให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว