- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ร้องปลัด ยธ.ตรวจงบลับ DSI ทีมช่วยทำคดี'ครูจอมทรัพย์'
ร้องปลัด ยธ.ตรวจงบลับ DSI ทีมช่วยทำคดี'ครูจอมทรัพย์'
ปธ.ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้อง ปลัด ยธ. ตรวจสอบงบช่วยคดี "ครูจอมทรัพย์" เผยรู้แต่แรกมีขบวนการรับจ้างติดคุกแทน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบการให้ความช่วยเหลือรื้อฟื้นคดีอาญาให้กับ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หลังศาลฎีกายกคำร้องการขอรื้อฟื้นคดี เนื่องจากมีขบวนการรับจ้างติดคุกแทน โดยนายวิศิษฏ์ ยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้ตั้งธงหรือตั้งแง่ว่าใครกระทำความผิด เป็นการตั้งกรรมการตรวจสอบหาความจริงให้ปรากฎ ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่มั่นใจว่าผลการตรวจสอบจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้าน นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คนในกระทรวงยุติธรรมออกมาระบุตั้งแต่ต้นว่ามีขบวนการรับจ้างติดคุกแทน และยังอ้างถึงพยานหลักฐานใหม่ที่ตรวจสอบโดยกรมการขนส่งทางบก, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นการหลอกลวงคนทั้งประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนก่อนส่งตรวจเพื่อหวังผลในทางคดี แต่ไม่มีผลตรวจสอบของหน่วยงานใดยืนยันได้ว่า รถยนต์โตโยต้า หมายเลขทะเบียน บค 56 สกลนคร ไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน เช่น กรมการขนส่งทางบก ซึ่งตรวจสอบป้ายทะเบียนและสภาพรถยนต์ ก็ขึ้นเบิกความในศาลว่า สาเหตุที่บริเวณรอยเจาะบนแผ่นป้ายทะเบียนไม่ตรงกับภาพถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนขณะเกิดเหตุเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะมีการเปลี่ยนป้ายใหม่ เพื่อทดแทนป้ายเดิมที่สูญหาย ส่วนสภาพรถยนต์ตรวจได้เพียงหมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถัง และสี ซึ่งตรงกับรายการจดทะเบียน แต่ไม่ได้ตรวจสอบร่องรอยการเฉี่ยวชน ขณะที่บริษัทโตโยต้าระบุในคำเบิกความว่าบริษัทตรวจสอบได้เพียงค่าความหนาของสีรถยนต์อยู่ในช่วงค่าปกติของมาตรฐานโรงงาน ส่วนจะเคยเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนหรือไม่ ไม่สามารถตรวจสอบได้ ส่วน ม.พระจอมเกล้า ซึ่งตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนก็ระบุว่า ไม่ทราบว่าป้ายทะเบียนแผ่นใดเป็นแผ่นหน้าหรือแผ่นหลัง นอกจากนี้ ผลตรวจวิเคราะห์ระบุเพียงแผ่นป้ายทะเบียนหน้ารถไม่เคยถูกดัดแปลงหรือซ่อมแซมมาก่อน แต่ไม่ได้ระบุว่าแผ่นป้ายทะเบียนเคยมีการเฉี่ยวชนมาบ้างหรือไม่
"คดีนี้มีการนำงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมและงบลับของดีเอสไอ ไปใช้ช่วยเหลือผู้กระทำผิดและคุ้มครองพยาน คือ นายสับ วาปี ซึ่งไม่ถูกต้อง และมีพยาน 2 ปากขึ้นเบิกความในศาลว่าเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมทำหลักฐานเท็จขึ้นมาให้เซ็น จึงต้องการเรียกร้องให้ตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนว่า ในกรณีรับจ้างติดคุกนี้มีเจ้าหน้าที่กระทรวงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ รวมถึงค่าทนายความซึ่งมีสัญญาว่าจ้างกัน แต่กลับอ้างว่าเป็นทนายของกระทรวงยุติธรรม" นายอัจฉริยะ กล่าว