แกะสัมพันธ์“ร้านกินเส้น-เจ๊เป้า”มีรายได้ 3 หมื่น-ไฉน!ไม่มีในบัญชีฯ ป.ป.ช.

  "...คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้านายมนัส ระบุว่า ต้องนำเงินไปจ่ายนางอนงค์ทุกเดือนๆ ละ 30,000 บาท ทำไมรายได้จากการเช่าร้านดังกล่าว ไม่ถูกระบุอยู่ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ที่แจ้งต่อป.ป.ช. ด้วย.."

     จากกรณี นายมนัส พัวศรีพันธุ์ ผู้จัดการร้านอาหาร “กินเส้น” อยู่ตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมายอมรับว่า นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตส.ส.และรัฐมนตรีหลายกระทรวง เป็นเจ้าของสถานที่ที่ตั้งร้านแห่งนี้

     โดยเบื้องต้น นายมนัส อ้างว่า ตนเองมีชื่อเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว และจ่ายค่าเช่าร้านเป็นรายเดือนๆ ละ 30,000 บาท ให้กับนางอนงค์วรรณ

     แต่ไม่มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเนื่องจากมีความสัมพันธ์เป็น “เพื่อน” ที่ไว้วางใจกัน
อาจทำให้ นางอนงค์วรรณ ถูกตั้งคำถามในเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในขณะที่เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นได้

     สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจร้านกินเส้น แห่งนี้ นับตั้งแต่เปิดบริการ ในช่วงเดือนมีนาคม 2552 พบว่า ร้านกินเส้น ถูกใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยง และรับรองแขกทางการเมืองของนางอนงค์วรรณ กับนายสมศักดิ์ หลายครั้ง

     อาทิ

     การจัดงานคล้ายวันเกิดนางอนงค์วรรณ ในช่วงเดือนกันยายน 2552 ซึ่งใช้ชื่องานว่า รักคนเดือน๙ ซึ่งมีนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปร่วมงาน และร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน

     http://www.oknation.net/blog/jaofoto/2009/09/22/entry-1

    งานพบปะสื่อมวลชน ของนายสมศักดิ์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2553

    http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNekV5TURJMU13PT0=

    และด้วยความใกล้ชิดกับร้านกินเส้นแห่งนี้เป็นอย่างมากจึงทำให้ใครหลายคนคิดว่าร้านแห่งนี้ เป็นของคนในครอบครัวเทพสุทิน ?

    ขณะที่นายมนัส ระบุว่า “เดิมที่ร้านอาหารกินเส้น มีสภาพเป็นศูนย์การเรียนรู้การทำอาหารตามแนวคิดพรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แต่แนวคิดนี้ เงียบหายไป ตึกถูกปิดทิ้งไว้เฉยไม่ได้ทำอะไร จนกระทั่งถูกปรับปรุงให้เป็นร้านกินเส้น ในช่วงต้นปี 2552 หลังจากที่ท่านอนงค์วรรณมีแนวคิดที่จะเปิดร้านอาหาร เพื่อรองรับศูนย์ราชการหลายแห่งที่จะมาเปิดที่ทำการใหม่ที่นี้ เช่น สำนักงาน ป.ป.ช. จึงชวนผมซึ่งเป็นเพื่อนกับท่านและพอมีฝีมือทำอาหารมาเปิดร้านอาหารแห่งนี้ ”

    แต่จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนางอนงค์วรรณ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ในการเข้าดำรงตำแหน่ง รมว.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมัยที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2551 และพันจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 และพ้นจากตำแหน่ง 1 ปี เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2552

    ไม่ปรากฏข้อมูลอาคารเลขที่ 156/1 ถนนสนามบินน้ำตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ตั้งร้านอาหารกินเส้น ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. แต่อย่างใด

    ทั้งนี้ ในช่วงเข้ารับตำแหน่ง รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2551 นางอนงค์วรรณ ระบุที่อยู่เลขที่ 2 ซอยรณสิทธิพิชัย 11 แขวงท่าทราย เขตเมืองนนทบุรี ถนนนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นที่อยู่เดียวกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน คู่สมรส และบุตรอีก 2 คน

    มีที่ดิน 3 แปลง แบ่งเป็นของนางอนงค์วรรณ2 แปลง อยู่ที่ต.บ้านใหม่ จ.นนทบุรี มูลค่า 5,425,000 บาท นายสมศักดิ์ 1 แปลง ในอ.สวรรณโลก จ.สุโขทัย มูลค่า 1,000,000 บาท

    นางอนงค์วรรณ ยังแจ้งด้วยว่า ที่ดินอีกหนึ่งแปลง ในอ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร จำนวน 9 ไร่ 53.3 ตรว. ได้โอนให้บุตรไปเมื่อวันที่ 1 พค.2550

    ขณะที่นายสมศักดิ์ ปรากฏชื่อเป็นเจ้าของ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง อีก 1 แห่ง ตามที่อยู่เลขที่ 82 ซอยมิตรอนันต์ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. มูลค่า 8,000,000 บาท

    ส่วนการแจ้งบัญชีทรัพย์สินหลังพ้นตำแหน่ง 1 ปี เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2552นางอนงค์วรรณ แจ้งว่า มีเงินลงทุน 4,600,000 บาท แต่ไม่ได้แจงรายละเอียดว่าเป็นเงินลงทุนอะไร

    ขณะที่ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง อีก 1 แห่ง ตามที่อยู่เลขที่ 82 ซอยมิตรอนันต์ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. มูลค่า 8,000,000 บาท ที่ปรากฏชื่อ นายสมศักดิ์ เป็นเจ้าของ ถูกระบุว่า ขายและโอนให้บุตรไปแล้ว

    ทั้งนี้ ในการเปิดร้านอาหารกินเส้น แห่งนี้ นายมนัส ยืนยันชัดเจนว่า ทุกเดือนต้องนำเงินจำนวน 30,000 บาท ไปจ่ายให้กับนางอนงค์วรรณ เพื่อเป็นค่าเช่าสถานที่

    เมื่อมีการถามย้ำว่า ในช่วงเปิดร้านอาหาร นางอนงค์วรรณให้การสนับสนุนเรื่องเงินทองหรือไม่ นายมนัส ยืนยันชัดเจนว่า "ไม่ได้สนับสนุน เพียงแต่ให้เช่าสถานที่เฉยๆ”

    คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้านายมนัส ระบุว่า ต้องนำเงินไปจ่ายนางอนงค์ทุกเดือนๆ ละ 30,000 บาท ทำไมรายได้จากการเช่าร้านดังกล่าว ไม่ถูกระบุอยู่ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ที่แจ้งต่อป.ป.ช. ด้วย

    โดยเฉพาะการยื่นบัญชีทรัพย์สิน พ้นตำแหน่ง 1 ปี เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2552 ซึ่ง นางอนงค์วรรณ ระบุว่าไม่มีรายได้เข้ามา

    แม้แต่บาทเดียว?