- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ‘พระที่นั่งวิมานเมฆ’ รมณียสถานแห่งราชจักรีวงศ์ (1)
‘พระที่นั่งวิมานเมฆ’ รมณียสถานแห่งราชจักรีวงศ์ (1)
ย้อนอดีตกลับไป 112 ปี 31 สิงหาคม รศ.119 สัมผัสกลิ่นไอแรกเริ่มการก่อสร้าง ‘พระที่นั่งวิมานเมฆ’ พระที่นั่งไม้สักทองที่หนึ่งของโลกในแผ่นดินล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ที่ยากหลายคนจะล่วงรู้?
วันที่ 31 สิงหาคมที่จะถึงนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อ 112 ปีที่ผ่านมา รัตนโกสินทร์ศก 119 (พ.ศ.2444)ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นวันวางศิลาฤกษ์สร้าง ‘พระที่นั่งวิมานเมฆ’ พระที่นั่งไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดของโลก ในพระราชวังดุสิต จนปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของไทย
โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริ ฤดูร้อนในพระบรมมหาราชวังร้อนจัด เพราะมีตึกบังโดยรอบ ไม่เป็นที่ลมเดินสะดวก ประกอบกับพระราชอัธยาศัยโปรดพระราชดำเนินด้วยพระบาท เลยมีพระราชดำริให้จัดสร้างที่ประทับฤดูร้อน จึงโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่สวนและนาในระหว่างคลองผดุงกรุงเกษม จนถึงคลองสามเสน ด้านตะวันออกจดทางรถไฟด้วยเงินพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระราชทานชื่อตำบลว่า ‘สวนดุสิต’ และพระราชทานนามวังว่า ‘วังสวนดุสิต’ (พระราชวังดุสิตในปัจจุบัน)
ภายในวังสวนดุสิตมีการก่อสร้างพลับพลาที่ประทับให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมยังทรงแบ่งที่ดินพระราชทานเจ้าจอมมารดาและพระเจ้าลูกเธอเป็นสัดส่วนเด่นชัด เรียกว่า สวน โดยทรงโปรดให้มีการขุดคลองขึ้น เพื่อใช้และระบายน้ำ มีการก่อสร้างถนน ที่สำคัญพระองค์ได้พระราชทานชื่อสวน ประตู คลอง และถนน ตามชื่อเครื่องลายครามที่นิยมเล่นกันในสมัยนั้น (เครื่องกิมตึ๋ง) อีกด้วย
ประตู
1.ประตูเซียน 2.ประตูโลโต 3.ประตูเล่าหั้น 4.ประตูกิเลน 5.ประตูกวาง 6.ประตูค้างคาว 7.ประตูชะนี 8.ประตูปลา 9.ประตูไก่ฟ้า 10.ประตูสี่แซ่ 11.ประตูนกร้อย 12.ประตูเต่า 13.ประตูนกกระเรียน 14.ประตูนกดำ 15.ประตูกบ
ถนน
1.ถนนส้มมือ 2.ถนนเบญจมาศ 3.ถนนทับทิม 4.ถนนบ๋วย 5. ถนนมังกรรำ 6.ถนนซางฮี้ 7. ถนนเต็ก
คลอง
1.คลองเม่งเส็ง 2.คลองลำนาค 3.คลองรางเงิน 4.คลองร่องไม้หอม
สวน
1.สวนสี่ฤดู ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
2.สวนหงส์ ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
3.สวนนกไม้ ของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
4.สวนบัว ของพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ
5.สวนฝรั่งกังไส ของพระราชชายาเธอ เจ้าดารารัศมี
6.สวนบ๋วยไผ่ ของเจ้าจอมมารดาแส พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา และพระองค์เจ้าทิพยาลังการ
7.สวนพุดตาน ของเจ้าจอมมารดาอ่อน พระองค์เจ้าอรประพันธรำไพ พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา เจ้าจอมเอี่ยม เจ้าจอมเอิบ เจ้าจอมเอื้อน เจ้าจอมอาบ เจ้าจอมแก้ว เจ้าจอมแส เจ้าจอมแถม
8.สวนพุดตานเบญจมาศ ของเจ้าจอมมารดาชุ่ม พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา และพระองค์เจ้าสุจิตราภรณี
9.สวนภาพผู้หญิง ของกรมขุนสุพรรณภาควดี พระองค์เจ้าสุวภักตรวิไลพรรณ เจ้าจอมเรียม
10.สวนหนังสือเล็ก ของพระองค์เจ้าเจริญศรีชนมายุ
11.สวนหนังสือใหญ่ ของพระองค์บีเอตริศภัทรายุวดี
12.สวนเขาไม้ ของพระองค์เจ้าจุฑารัตนราชกุมารี
13.สวนไม้สามอย่าง ของพระองค์เจ้าอัจฉรพรรณีรัชกัญญา และเจ้าจอมมารดาตลับ
14.สวนม้าสน ของพระองค์เจ้าประเวศวรสมัย
15.สวนผักชีเข้ม ของพระองคเจ้าศศิพงษ์ประไพ
16.สวนโป๊ยเซียน ของเจ้าจอมมารดาโหมด
17.สวนบัวเปลว ของห้องเครื่องต้น
นับได้ว่าด้วยความสวยงามของสภาพบ้านเมืองขณะนั้นยังผลให้วังสวนดุสิตเปรียบดังรมณียสถานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับแรมอยู่เนือง ๆ แต่ต้องยอมรับว่าภายในวังสถานแห่งนี้ยังขาดซึ่งพระที่นั่งถาวรอยู่
ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชหัตถเลขาพระราชทานสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เรื่อง พระราชปรารภเกี่ยวกับพระที่นั่งองค์ใหม่ ในพระราชวังดุสิต ใจความตอนหนึ่งว่า...
“ความปรารถนาในเรื่องที่อยู่ที่นึกอยากได้บ่อย ๆ เปนห้องที่จะต้องการคือที่ออกขุนนางสำหรับยะโสเปนห้องโอรนรับแขกเมือง ทำการพระราชพิธีต่าง ๆ เทือกโสกันต์ได้ด้วย ที่ออกขุนนางตามปรกติ แต่ถ้าให้ได้นั่งในที่สั้น ๆ แลเห็นหน้าได้ตลอด เหมือนอย่างถ้าจะเปนท้องพระโรงที่ออกขุนนางทุกวันนี้ นั่งตรงรูปวีเปนเหมาะ แต่อย่าให้ไปตกอยู่ในที่ล้อมอักแอแน่นเข้ามาหายใจไม่ออก คือถ้านั่งที่รูปวี เดี๋ยวนี้จะตกอยู่ในที่ล้อมแต้...”
ก่อนที่จะเน้นกำชับในพระราชหัตถเลขาตอนท้ายด้วยว่า “เรือนหมู่ที่จะต้องการในเวลานี้ คือ เรือนแม่กลางหมู่หนึ่ง เรือนแม่เล็กควรจะมี เว้นแต่ยังไม่สู้ต้องการนัก เรือนเจ้าสายหมู่หนึ่ง เรือนนางแสหมู่หนึ่ง ดาราหมู่หนึ่ง ต้องอยู่ใกล้เคียงในหมู่แม่เล็ก แลต้องมีเทือกเรือนแถวสำหรับบริวารตอนหนึ่ง เรือนนางสง เรือนนางชุ่ม เรือนนางอ่อน ต้องอยู่ในหมู่เจ้าสาย แลมีเรือนแถวอีกหมู่หนึ่ง เรือนนางพร้อมอยู่ในหมู่แม่กลาง แต่ต้องมีเรือนแถวอีกแถวหนึ่ง แถวนี้มีคนน้อย แต่ต้องมีที่ว่างไว้สำหรับเผื่อปลูกตึกหมู่เพิ่มเติมได้ทุก ๆ แห่ง ต้องมีเรือนลูกผู้หญิงที่จะขึ้นไป เปนหมู่เล็ก ๆ ฤาแถวก็จะได้ อีกสักสี่หมู่ห้าหมู่ เท่านี้เปนหมดเต็มที่ตลอดที่จะต้องการทั้งวัง”
จากนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ จึงร่างแบบต้นเค้าพระที่นั่งวิมานเมฆ แต่ยังไม่มีการก่อสร้าง จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออก เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์บนเกาะสีชัง จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระราชโยธาเทพ (กอน หงสกุล ภายหลังเป็นพระยาราชสงคราม) รื้อพระที่นั่งดังกล่าวมาสร้างไว้ในวังสวนดุสิต ด้วยเพราะมิค่อยได้เสด็จแปรพระราชฐานเหมือนแต่ก่อน พร้อมพระราชทานนามว่า ‘พระที่นั่งวิมานเมฆ’ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีก่อพระฤกษ์พระที่นั่งจนเริ่มการก่อสร้างแล้วเสร็จตกทอดให้ไว้ลูกหลานไทยจนถึงปัจจุบัน .
‘ประวัติศาสตร์ไทยยังอยู่ในใจคนไทยเสมอ’:โปรดอ่านต่อสัปดาห์หน้า
........................................................................................................
ข้อมูลอ้างอิง:
-จดหมายเหตุการก่อสร้างและซ่อมแซมพระที่นั่งวิมานเมฆ พุทธศักราช 2443-2518 โดยสำนักพระราชวัง
-จดหมายเหตุพระที่นั่งวิมานเมฆ โดยสำนักพระราชวัง
ที่มาภาพ:(1) http://thai2land.blogspot.com/2013/06/vimanmek-mansion.html
(2)http://tarnthaidance.blogspot.com/2012/10/blog-post_4802.html