- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ชายแดนใต้หัวใจเดียวกัน (ตอนที่1): กำลังใจสู่ผู้บำเพ็ญประโยชน์
ชายแดนใต้หัวใจเดียวกัน (ตอนที่1): กำลังใจสู่ผู้บำเพ็ญประโยชน์
“ชายแดนใต้-หัวใจเดียวกัน มหกรรมศิลปวัฒนธรรม ดนตรี กวี ภาพ” เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สำนักหัวใจเดียวกัน ซึ่งเป็นผู้ริเริ่ม มูลนิธิเอสซีจี (หรือ มูลนิธิซิเมนต์ไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดพื้นที่การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมอันสะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่งดงามในอีกแง่มุมหนึ่ง ทั้งความรัก ความเอื้ออาทร ความผูกพันของผู้คนต่างศาสนาความเชื่อที่อาศัยอยู่ร่วมกันมายาวนาน
ภายในงานนอกจากจะมีนิทรรศการแสดงภาพถ่ายพร้อมบทกวีจากศิลปินแห่งชาติ กวีซีไรต์ การแสดงดนตรีศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และการออกร้านสินค้าชุมชน ยังมีการเสวนาในอีกหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ แต่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดเห็นทีจะไม่พ้นการพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือและเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ โดย คุณสุรนุช ธงศิลา ผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี ได้แบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ในการทำงานไว้น่าสนใจว่า
มูลนิธิซิเอสซีจี เชื่อว่าการที่ประเทศชาติจะเข้มแข็งอย่างยั่งยืนจะต้องเริ่มจากคนที่ต้องเป็นทั้งคนเก่งและคนดี จึงมุ่งดำเนินกิจกรรมเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับ รวมไปถึงการปลูกฝังจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมให้กับเด็กและเยาวชนและการส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจในการทำงานทางสังคมในรูปแบบต่างๆ
โครงการเกื้อหนุนครอบครัวที่ทำงานเพื่อสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอีกโครงการหนึ่งของมูลนิธิเอสซีจีที่ต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะที่เป็นเพียงประชาชน ผู้นำชุมชนตัวเล็กๆ เช่น กลุ่มอาสาสมัครช่วยเหลือแพทย์ในโรงพยาบาล อาสาสมัครสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่พัฒนาองค์กรเอกชน ซึ่งทำงานด้วยความอุทิศตนและเสียสละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่สงบทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงจัดทำโครงการเพื่อเป็นการสนับสนุนและเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่ทำงานทางสังคมดังกล่าวหลากหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น
“การมอบทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรีให้กับบุตรหรือผู้ที่อยู่ในอุปการะของผู้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ” เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีและเติมเต็มกำลังใจในการทำงาน จากการที่มีหลักประกันที่ดีให้กับบุตรหลาน ขณะเดียวกันก็จัดให้มีกิจกรรมเสริมสร้างความผูกพันในครอบครัวและสร้างเครือข่ายในพิธีมอบทุนผ่าน ’ค่ายครอบครัว’ ซึ่งจะมีการจัดกระบวนการให้เด็กและเยาวชนได้รับรู้เกี่ยวกับการทำงานทางสังคมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงมีโอกาสได้ทำกิจกรรมสานสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรัก ความอบอุ่น เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า หลายครอบครัวเกิดความไม่เข้าใจกัน เช่น เด็กๆ ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่พ่อแม่ของตนเองหายไปประชุมบ่อยๆหรือไปทำงานครั้งละนานๆนั้น ไปทำอะไร ทำไมไม่ค่อยมีเวลามาดูแลพวกเขา ก็จะได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกันในค่ายนี้ “การจัดตั้งกองทุนอาชีพและการอบรมความรู้ให้กับผู้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะในรูปแบบต่างๆ” ในลักษณะกองทุนหมุนเวียนให้ผู้ที่ทำงานทางสังคมเพื่อเป็นแหล่งทุนสำหรับการนำไปประกอบอาชีพส่วนตัวรายย่อย เพื่อช่วยให้พวกเขามีขวัญกำลังใจในการทำงาน มีหลักประกันที่ดีให้กับครอบครัว สามารถทำงานให้กับสังคมอย่างเต็มที่
“การให้ความช่วยเหลือของมูลนิธิเอสซีจี เป็นการให้แบบเคารพผู้รับและผู้รับก็รับอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่การให้เปล่าที่ไม่ยั่งยืน หลังจากเพื่อนๆผู้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะได้นำเงินไปประกอบอาชีพส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ก็มีพันธะสัญญาที่จะนำเงินมาคืนกองทุนตามระยะเวลาที่ตกลงกัน โดยเงินนั้นจะถูกหมุนเวียนไปช่วยครอบครัวอื่นๆต่อไป...ประโยชน์ของกองทุนนี้คือการช่วยประคับประคองให้พวกเขาสามารถทำงานทางสังคมได้ต่อไปและทุ่มเทให้กับงานได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการฝึกทักษะในการบริหารจัดการ สร้างวินัยในการคืนเงิน เนื่องจากทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของเงิน ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือไปก่อนต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เพื่อคนที่รออยู่ข้างหลัง” คุณสุรนุชกล่าว
นี่เป็นเพียงเรื่องราวส่วนหนึ่งของความงดงามและความยั่งยืนที่เกิดขึ้นในชายแดนใต้ จนผลของความสำเร็จถูกนำไปขยายผลในภูมิภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือ ภาคตะวันออก...แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้ากับรอยยิ้ม ความรัก ความสุข และความหวังกับโครงการการมอบทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรีให้กับบุตรหรือผู้ที่อยู่ในอุปการะของผู้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ