- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ชี้อุทยานแก่งกระจานผลักดันกะเหรี่ยง ขัดมติ ครม.-ละเมิดรัฐธรรมนูญ-ปฎิญญาสากล
ชี้อุทยานแก่งกระจานผลักดันกะเหรี่ยง ขัดมติ ครม.-ละเมิดรัฐธรรมนูญ-ปฎิญญาสากล
“ ปฏิบัติการอพยพ ผลักดัน จับกุมชนกลุ่มน้อยบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าชายแดนไทย-พม่า ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งชาวกะเหรี่ยงผู้ถูกผลักดันลงมาอยู่ที่บ้านโป่งลึก บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสภาทนายความ ว่ามีการใช้ความรุนแรงเผาบ้าน เผายุ้งข้าว ทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงดั้งเดิม ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 สิงหาคม 2553 กระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และยังไม่เป็นไปตามปฏิญญาสากลแห่งสหประชาชาติเรื่องสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งประเทศไทยร่วมลงนาม”
ทั้งนี้เป็นการสรุปจากการสัมมนา “มติ ครม. วันที่ 3 สิงหาคม 2553 กับสิทธิการอยู่อาศัยของกะเหรี่ยงดั้งเดิมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” ซึ่งศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา ร่วมกับเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม จัดขึ้นที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา
การสัมมนาดังกล่าว ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง และแสดงภาพถ่ายการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนับร้อยภาพ โดยเฉพาะภาพถ่ายบ้านชาวกะเหรี่ยง ยุ้งข้าวถูกเผา ภาพหัวหน้าอุทยานฯร่วมวงกินข้าวในบ้านชาวกะเหรี่ยง รวมทั้งภาพนายนอแอ มี่มิ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาคดีมีอาวุธปืนแก๊ปซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดได้ที่บ้านในป่าแก่งกระจาน
“ ตามมติ ครม. 3 สิงหาคม 2553 เรื่องมาตรการฟื้นฟูระยะสั้น ดำเนินการภายใน 6-12 เดือน ข้อที่ 2.1 ให้ยุติการจับกุม และให้ความคุ้มครองกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่เป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมที่อยู่ในพื้นที่ข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกินดั้งเดิม แต่ก็มีการจับกุม คือนายนอแอ มี่มิ มีปืนแก๊ป 2 กระบอก เจ้าหน้าที่ให้รับว่ามีปืนอีก 6 กระบอกเป็น 8 กระบอกก็ต้องรับสารภาพไป” นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ หัวหน้าคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีการร้องเรียน ซึ่งเป็นวิทยากร กล่าวระหว่างการสัมมนา
นายนอแอ มี่มิ ที่นายสุพงษ์กล่าวถึง เป็นบุตรชายคนโตของนายโคอี้ จอมพรานผู้เฒ่า อายุ 103 ปี เกิดและเติบโตในป่าบางกลอย (แก่งกระจาน) เคยช่วยเหลือราชการเมื่อปี 2535 โดยใช้ความชำนาญเข้าไปในป่าบางกลอย ค้นหาตชด. ซึ่งสูญหายไปในการปะทะกับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย และช่วยชีวิตออกจากป่า 4 นาย หลังจาก ตชด.หลงป่านานถึง 35 วัน
มติคณะรัฐมนตรี 3 สิงหาคม 2553 เรื่องแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง เป็นมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยเห็นชอบหลักการแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะแหรี่ยง และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวนโยบายและหลักปฎิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงไปปฏิบัติ โดยในการสัมมนาระบุมาตรการฟื้นฟูระยะสั้น ต้องดำเนินการภายใน 6-12 เดือน แต่ไม่มีการปฏิบัติ ตรงกันข้าม ได้กระทำการอันขัดต่อมติ ครม. โดยอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กระทำการขัดต่อมติ ครม.วันที่ 3 สิงหาคม 2553 ในข้อที่ 2 ซึ่งเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร์อย่างชัดเจนว่า
2.การจัดการทรัพยากร ยุติการจับกุมและให้ความคุ้มครองกับชุมชนกลุ่มชาติพันธ์กะเหรี่ยงที่เป็นชุมชนท้องถิ่นเดิมที่อยู่ในพื้นที่ดั้งเดิม ฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ
นายวีระวัธน์ ธีระประสาสน์ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการร่วมผลักดันทุ่งใหญ่นเรศวรให้เป็นมรดกโลก กล่าวว่า ตามปกติแล้วการปฏิบัติงานจะไม่ใช้ลักษณะเป็นกองกำลัง แต่การขอทหารให้ช่วยเหลือก็สามารถกระทำได้ แต่จากภาพถ่ายของอุทยานฯ ภาพชาวบ้านถือปืนแก๊ป ของกลาง มีมีด มีเคียวนั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ไม่มีความจำเป็นต้องถึงขั้นเข้าไปปฏิบัติการโดยใช้กองกำลัง
“ มติ ครม. 5 ข้อ ไม่มีการปฏิบัติ อุทยานแก่งกระจานยังกระทำการอันขัดต่อมติ ครม. ถ้าบอกว่าใช้อำนาจตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ก็ต้องถามว่า พ.ร.บ.อุทยาน ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญหรือไม่ อุทยานแก่งกระจานกระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาตราที่ 66 และ 67 กล่าวถึงสิทธิชุมชน สิทธิปัจเจก สิทธิในการดูแล พัฒนาและใช้ประโยชน์ตามความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมของชุมชน” อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งทำงานและคลุกคลีกับชุมชนชาวกะเหรี่ยงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ยาวนานถึง 16 ปี กล่าว
ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ นักวิชาการ สถาบันพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในการสัมมนาว่า ปฏิบัติการของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยังขัดต่อปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งไทยลงนามด้วย
“ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง ที่ขอแก้ มาตรา 8 เกี่ยวกับการอนุรักษ์ในถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ข้อ J ภายใต้ข้อบังคับ ให้ความเคารพ ส่งเสริมรักษาและดำรงไว้ซึ่งความรู้ ประดิษฐ์กรรม และการถือปฏิบัติต่อชนพื้นเมืองและท้องถิ่น ซึ่งปรากฎในการดำรงชีวิตที่สืบทอดกันมาตามประเพณี และใช้ประโยชน์ในความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน” ดร.เพิ่มศักดิ์ กล่าว
ในประเด็นที่มีการพูดถึงกันว่า ชาวกะเหรี่ยงที่ถูกผลักดันออกมาจากป่าแก่งกระจานนั้น เป็นชนกลุ่มน้อยหรือเป็นชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยกันมานานแล้ว นายสังวาลย์ อ่อนเภา อดีตผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ กล่าวในการสัมมนาว่า จากการเคยเดินป่าสำรวจชุมชนในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน ตั้งแต่ฝั่งลำภาชีเขตจังหวัดราชบุรี จากบ้านห้วยม่วง ห้วยน้ำหนัก พุระกำ (ปัจจุบันอยู่ใน อ.สวนผึ้ง) จนถึงลำน้ำบางกลอย บ้านใจแผ่นดิน บ้านบางกลอยล่าง บางกลอยบน บางกลอย-โป่งลึก (ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ) เมื่อปี 2528 ก่อนที่คณะสำรวจจากศูนย์ฯ เข้าไปจัดทำทะเบียนสำรวจในปี 2531 พบชุมชนเป็นหย่อมหมู่บ้าน
“ บริเวณแนวชายแดน จะเป็นแนวสันปันน้ำสุงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 กว่าเมตร เป็นภูเขาสูง ยากลำบากต่อการเดินทางทั้งจากฝั่งไทยข้ามไปพม่า และข้ามจากพม่าเข้ามาฝั่งไทย บ้านบางกลอยบนจะอยู่บริเวณที่เรียกว่าสามแพร่ง คือบริเวณแนวริมน้ำที่แม่น้ำเขาพะเนินทุ่งรวมกับแม่น้ำบางกลอยไหลลงแม่น้ำ เพชร โดยในบริเวณบ้านจะพบว่ามีต้นขนุน มะพร้าว ส้มโอ ขนาดใหญ่ อายุหลายปี ซึ่งน่าจะบอกได้ว่าเป็นลักษณะชุมชนที่อยู่อาศัยมาดั้งเดิม”
ในการสัมมนา นายวีระวัธน์ ธีระประสาสน์ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตวืป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เสนอว่า การเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับเรื่องปฏิบัติการของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเห็นชัดว่าขัดต่อมติ ครม.และกฎหมาย ไม่ควรให้เป็นเรื่องของตัวบุคคลที่กระทำผิด แต่ต้องการให้เป็นแบบอย่างในภาพรวมด้วย เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนของสังคมด้วย
นายพฤ โอ่โดเชา เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ร่วมไปคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่มีนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่แก่งกระจาน เมื่อเร็วๆนี้ กล่าวว่า มติ ครม. 3 สิงหาคม 2553 เป็นแนวนโยบายครอบตลุมหลายประเด็น ทั้งเรื่องอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ วัฒนธรรม การให้ยุติการจับกุมและให้ความคุ่มครองกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง รวมทั้งเรื่องบัตรประจำตัวคนที่ไม่มีปัญชาติไทย ดังนั้น จึงจะต้องมีการประชุมเครือข่ายฯและจัดทำข้อมูลเป็นเรื่องๆต่อไป
นายสุรพงษ์ กองจันทึก สรุปว่า ข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานขัดต่อข้อเท็จจริงที่ได้จากการสัมมนาคือ ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกล่าวอ้างว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ ผู้บุกรุกทำลายป่าในป่าแก่งกระจานเป็นชนกลุ่มน้อยจากประเทศพม่า เป็นชาวกะหร่าง เข้ามาแผ้วถาง บุกรุกป่า ทำไร่เลื่อนลอย ผลักดันออกนอกประเทศเพราะเป็นชนกลุ่มน้อยจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้ใช้วิธีการเผากระท่อมร้าง เพิงพักร้าง และบ้านที่เผาถูกรื้อทำลายมาตั้งแต่ปี 2553 ไม่มีการเผายุ้งข้าว และได้นำข้าวของผู้ถูกผลักดันมาแจกจ่ายให้ชาวกะเหรี่ยงนั้น ไม่เป็นความจริง
“ ผู้ถูกผลักดันออกจากป่าแก่งกระจานเป็นชาวกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในประเทศไทย อยู่กันมาดั้งเดิม และไม่ได้ทำไร่เลื่อนลอย แต่ทำไร่หมุนเวียนซึ่งไม่ใช่การทำลายป่า อุทยานฯใช้วิธีการเผาบ้าน เผายุ้งข้าว ใช้ปืนบังคับไม่ให้อยู่ในพื้นที่เดิม ต้องหนีไปอยู่กับญาติพี่น้องที่บ้านโป่งลึก บ้านบางกลอย จ.เพชรบุรี และบ้านพุระกำ บ้านห้วยน้ำหนัก จ.ราชบุรี การเผาที่พักก็เป็นการเผาบ้านที่ชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในปัจจุบัน บางบ้าน เจ้าหน้าที่มานอนค้างก่อนคืนหนึ่ง รุ่งเช้าก็เผาบ้านเลย
ส่วนบ้านที่อุทยานฯอ้างว่าเผาเป็นบ้านที่รื้อทำลายลงมาเมื่อปีที่แล้ว แต่ความจริงคือเป็นบ้านที่อาศัยในปี 2554 บางบ้านพังก็รื้อลงมาก่อนแล้วเผา แต่ส่วนมากเผาบ้านโดยไม่มีการรื้อลงมา รวมเผาบ้านไปประมาณ 131 หลัง ชาวบ้านยืนยันว่ามีการเผายุ้งข้าวและเผาบ้าน มีภาพการเผายุ้งฉางและเผาข้าว ส่วนที่ว่าอุทยานฯเอาข้าวกะเหรี่ยงไปแจกให้ชาวกะเหรี่ยงผู้ถูกผลักดัน ความจริงก็คือเอาข้าวกะเหรี่ยงใส่เฮลิคอปเตอร์ไปแจกลูกเมียครอบครัวเจ้าหน้าที่อุทยาน” นายสุรพงษ์ ระบุยืนยันข้อมูล
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงตามการร้องเรียนของชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน สภาทนายความ จะมีการลงพื้นที่หาข้อมูล พยานหลักฐานเพิ่มเติมในกลางเดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีการประสานงานด้านข้อมูลกับคณะทำงานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งนายแพทย์นิรันดร์ พิทีกษ์วัชระ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน จากนั้นจะมีการสรุปว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ชม Clip Video
{youtubejw}N3IQa5FBe_Y{/youtubejw}