- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- "สุเมธ-โกร่ง" นำ "นิว ไทยแลนด์" หรือแค่ต่ออายุยิ่งลักษณ์
"สุเมธ-โกร่ง" นำ "นิว ไทยแลนด์" หรือแค่ต่ออายุยิ่งลักษณ์
หลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งสารพัด "คณะกรรมการ" ขึ้นมารับผิดชอบภารกิจต่างๆ ในช่วงมหาภัยพิบัติเวลานี้ ที่หากไล่ตั้งแต่ยังเป็นมวลน้ำทางภาคเหนือตอนล่างจนมาถึงมหาอุทกภัยที่กำลังกลืนกินกรุงเทพมหานครตอนนี้
จะพบว่า นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการไปแล้วมากมายเพื่อรับมือและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมรวมถึงเพื่อมาแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
เช่น คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต (กคช.)มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) มี ยงยุทธ วิชัยดิษฐรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน
คณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยปลอดภัยและการจราจร (กรจ.) มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
กระนั้นการทำงานทั้งเชิงรุกและรับของรัฐบาลผ่านคณะกรรมการสารพัดชุดในการป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ประชาชน ก็ไม่มีผลสำเร็จอะไรเป็นรูปธรรม คงมีเพียงการออกมาตรการเยียวยาต่างๆ ที่นำเสนอผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเท่านั้น
จึงทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีถูกวิจารณ์อย่างมากถึงวิธีการและรูปแบบในการแก้ปัญหามหาอุทกภัยครั้งนี้
แม้จะมีเสียงวิจารณ์เรื่องนี้อย่างมาก ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ก็ยังเดินหน้าตั้งคณะกรรมการออกมาอีก 2 คณะ ตามยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาอุทกภัยและฟื้นฟูประเทศในระยะยาว
ซึ่งดูจากตัวกรรมการและอำนาจหน้าที่แล้วถือว่าเป็นคณะกรรมการที่น่าสนใจอย่างมาก ตามยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาน้ำท่วมและฟื้นฟูประเทศใน 3 ระยะหรือโมเดล 3 R ที่เป็นแผนฟื้นฟูประเทศที่คีย์แมนด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยบอกว่ามันคือโมเดล
แผน 3 B นำประเทศไทยกลับมาดีกว่าเดิม หรือ Bring back better
อันประกอบด้วย
1) ระยะเฉพาะหน้า
เน้นแบบกู้ภัย หรือ Rescue ซึ่งก็คือการทำงานของรัฐบาลในเวลานี้ผ่านศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ที่มีพล.ต.อ.ประชาพรหมนอก รมว.ยุติธรรมเป็นผู้อำนวยการ ศปภ.
ภารกิจเช่นป้องกันน้ำท่วมไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ต่างๆ ทั้งของประชาชน ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม สถานที่สำคัญทางราชการ รวมถึงการดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยและให้ประชาชนอพยพ
การรับเรื่องร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประสบภัย ,จัดการเรื่องน้ำท่วมแบบเร่งด่วน,รักษาพยาบาล ให้ที่พักพิงผู้เดือดร้อน ,รับบริจาค รับมองสิ่งของจากผู้บริจาค
2) ระยะสั้น
คือภายใน 1 ปีหรือ Restore มี ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว. ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย หรือกฟย.คุมภารกิจนี้ บนภารกิจเช่นการทำให้ระบบต่างๆ ทั้งระบบราชการ โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม กลับมาทำงานได้ตามปกติโดยเร็วรวมถึงเยียวยาให้เงินช่วยเหลือ เงินกู้ สิทธิประโยชน์กับประชาชนและภาคธุรกิจที่ประสบอุทกภัย
โดยเป็นการทำงานแบบทั้งเผชิญหน้าและแก้ปัญหาต่างๆให้เสร็จสิ้นในเวลาไม่เกินหนึ่งปี ภายใต้การรับผิดชอบของคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมาดูแล
งานต่างๆ
อาทิ คณะกรรมการสื่อสารสาธารณะชุดที่มีนายธงทอง จันทรางศุ ว่าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ,คณะกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อดูแลการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเช่น ถนน สถานที่ราชการ ที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคมเป็น
ประธาน ,คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน ชุดของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล
เป็นประธานซึ่งรับผิดชอบการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจของประเทศให้กลับคืนมาหลังน้ำลด
ที่ผ่านมา ทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าผ่านศปภ.และการวางแผนแก้ปัญหาหลังน้ำลดโดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูทุกภาคส่วนของประเทศให้กลับคืนมาภายใน 1 ปี
นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็เข็นออกมาหมดแล้ว ผ่านการตั้งคณะกรรมการ แต่สำหรับแผนงานระยะยาว เพิ่งได้ฤกษ์เคาะออกมาอย่างเป็นทางการ จึงเป็นที่มาของ
แผน R ลำดับที่ 3 หรือ แผนระยะยาว( Rebuild)
ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคง ความมั่งคั่งและการฟื้นความเชื่อถือจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาระยะยาว (Rebuild) จึงเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการ 2 คณะมาคุมแผนงานและวางโมเดลทั้งหมด อันเป็นการตั้งตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ลงนามโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ชุดแรกคือคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ หรือ กยอ. โดยมี วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี-รมว.คลัง
เป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ที่หน้าหลักก็คือการวางยุทธศาสตร์พิมพ์เขียวสร้างประเทศไทยหลังน้ำลด ที่หากให้นิยามก็คือ “นิวไทยแลนด์”นั่นเอง
ซึ่งดร.โกร่ง จะมีเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในคณะกรรมการ กยอ.ประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
,นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นรองประธานกรรมการ ,นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษา
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี, นายกิจจา ผลภาษี อดีตอธิบดีกรมชลประทาน , นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตซีอีโอบริษัทปตท.,
นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี , นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นักการเงินชื่อดัง
และกรรมการโดยตำแหน่งคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ,เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ,ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย , ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, ประธานสมาคมธนาคารไทย ซึ่งจะมีเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ส่วนอำนาจหน้าที่ของกรรมการชุดดังกล่าวคือ
1. ระดม ความคิดเห็นและความรู้เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการกำหนด ยุทธศาสตร์ประเทศในระยะยาวเสนอแก่รัฐบาลรวมถึงข้อเสนอในการจัดตั้งองค์กร ถาวร วิธีการบริหารจัดการ การบริหารการเงิน การ สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน การเสนอแนวทางการปฏิบัติราชการแผ่นดินในการฟื้นฟูและพัฒนาและอื่นๆอันจะเป็น ประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศจากภัยธรรมชาติในระยะยาว วางอนาคตการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
2. รายงานการทำงานแก่ครม.เป็นประจำ
3. เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของกยอ.ให้ถือเป็นหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงาน อื่นของรัฐที่ต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของกยอ.
4. ให้ความเห็นชอบในการว่าจ้างที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อปฏิบัติงานที่เกี่ยว ข้องกับความรับผิดชอบของกยอ.และกำหนดค่าตอบแทนตามความจำเป็น
5. แต่งตั้งที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่างๆตามที่กยอ.มอบหมาย
6. ดำเนินการอื่นๆตามที่นายกฯหรือครม.มอบหมาย
ด้วยชื่อเสียงและเครดิตการทำงานของดร.วีรพงษ์หรือดร.โกร่ง หนึ่งในผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชั้นแนวหน้าของประเทศไทย ผู้เคยทำงานเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลมาแล้วกับหลายผู้นำ อาทิเช่นรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ หรือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในช่วงสั้นๆ
จึงทำให้เครดิตของดร.โกร่งในทางการเมืองและเศรษฐกิจถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆของประเทศ ผสมกับบารมีและคอนเน็กชั่นทางการเมืองและธุรกิจ ที่เข้าได้กับทุกกลุ่มการเมืองและทุกขั้วธุรกิจ
จึงทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าหากดร.โกร่งเดินหน้าวางโมเดลสร้างประเทศไทยหลังน้ำลด ก็น่าจะได้รับความร่วมมือจากหลายฝายทั้งในด้านข้อมูล การช่วยงาน การให้คำแนะนำ รวมถึงการได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาล
อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและรวมถึงตัวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเองด้วยหลังคนมองว่าเมื่อกรุงเทพมหานครน้ำแห้งแล้ว ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ เก้าอี้นายกรัฐมนตรีแม้อาจอยู่ได้แต่จะสั่นคลอนไม่น้อย !
สำหรับดร.โกร่ง แวดวงการเมืองรู้กันดีว่า เขาเป็นหนึ่งในนักวิชาการด้านเศรษฐกิจที่พูดแล้วมีคนจำนวนมากต้องรับฟัง หนึ่งในนั้นก็คือ “ป๋าเปรม”พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ถือเป็นหนึ่งในคนใกล้ชิดของป๋าเปรมมาหลายปี แต่ทางการเมือง ตัวดร.โกร่งเองที่ทำงานด้านเอกชนในหลายสิบบริษัท นั่งเป็นทั้งกรรมการ และที่ปรึกษาบริษัทใหญ่โตมากมาย จึงทำให้รู้จักกับนักุรกิจนักการเมืองหลายคน ที่ย่อมมี พต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย ท่ามกลางข่าวว่าทั้งวีรพงษ์และทักษิณรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาหลายปี
ข่าวการเมืองเคยปรากฏชื่อดร.โกร่ง เป็นหนึ่งในแคนดิเดทหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาแล้ว หลังทักษิณหาคนจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเพื่อชูให้เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในช่วงเลือกตั้ง มีการทาบทามไว้หลายคน
ดร.โกร่งก็ถูกทักษิณทาบทามด้วย หลังเข้าไปช่วยงานพรรคเพื่อไทยอย่างไม่เป็นทางการโดยเฉพาะในการช่วยดูเรื่องนโยบายเศรษฐกิจบางเรื่องให้ แต่เมื่อทักษิณหาคนเป็นไม่ได้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจึงยังคงเป็นยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ แต่ก็ชูยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี สายสัมพันธ์ของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์กับดร.โกร่ง จึงไม่ธรรมดา
ก็เหมือนกับที่ครั้งนี้ ดร.โกร่ง ตกลงรับเป็นประธานกยอ.ที่ดูแล้ว ก็ไม่แตกต่างอะไรจาก “ครม.เศรษฐกิจฟื้นฟูประเทศ” ของรฐบาลยิ่งลักษณ์ดีๆ
นั่นเอง ถือเป็นกรรมการที่จะมีบทบาทอย่างมากหลังน้ำลด โดยเฉพาะการเล่นบทบาทเซล์แมนการค้าระหว่างประเทศในการไปสร้างความเชื่อมั่นให้
กับนักลงทุนต่างประเทศให้ยังคงการลงทุนในประเทศไทยต่อไป ที่ดร.โกร่งบอกแล้วว่าจะเน้นที่ประเทศซึ่งมีการลงทุนเป็นจำนวนมากในไทยเช่น
ญี่ปุ่น ที่ดร.โกร่งจะเดินทางไปพบกลุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นในเร็วๆนี้เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นว่าต้องการเห็นการฟื้นฟูประเทศไทย
แบบไหน รวมถึงต้องการให้รัฐบาลไทยออกมาตรการช่วยเหลือนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างไรบ้าง
การเข้ามาทำงานให้รัฐบาลของดร.โกร่ง เจ้าตัวยอมรับเองว่า นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์มาหาด้วยตัวเองเพื่อขอให้ช่วยงานนี้โดยใช้เวลาพูดคุยกันทางโทรศัพท์เพียงไม่กี่นาที คณะกรรมการกยอ.ก็ถือกำเนิดขึ้น
เบื้องต้น ตัววีรพงษ์ ประธานกยอ.ที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Strategic Committee for Reconstruction and Future Development”
หรือ “SCRF บอกว่ารูปแบบการทำงานของกรรมการจะต้องมีผลงานเป็นรูปธรรมคือทำแล้วต้องมีแผนฟื้นฟูประเทศออกมาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลทั้งเรื่องอำนาจ-งบประมาณและการเอาจริงเอาจัง ปลอดเรื่องการเมือง
ไม่เช่นนั้นสิ่งที่กยอ.คิดและผลักดันออกมาก็ยากจะสัมฤทธิ์ผล ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้ฟื้นฟูประเทศ กูรูเศรษศาสตร์รายนี้บอกว่าอย่าห่วง หลายคนไม่รู้ว่าประเทศไทยมีความมั่งคั่งทางการเงินการคลังไม่แพ้ชาติใดในโลกเพราะไทยได้สะสมสินทรัพย์ไว้เป็นจำนวนมากในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“ประเทศไทยวันนี้ไม่เหมือนยี่สิบปีที่ผ่านมา เราไม่ใช่ประเทศลูกหนี้สุทธิ การพัฒนาเศรษฐกิจมีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์จนถึงรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
เมืองไทยมีเงินออมมากกว่าเงินลงทุน เรามีเงินเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาหลายปีแล้วตั้งแต่สมัยพลเอกชาติชาย ประเทศไทยมีเงินและสมบัติมาหศาลวันนี้ต้องควักเงินมาทำเพื่อลูกหลายในอนาคต
เรื่องงบประมาณที่จะฟื้นฟูบูรณะประเทศ จะใช้มากแค่ไหน ก็ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ วันนี้ต้องนำเงินที่สะสมไว้มาก่อให้เกิดประโยชน์ เงินนั้นไม่มีปัญหาขอเพียงให้สิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการนั้นต้องมีประโยชน์ โปร่งใส มีวินัยทางการเงินการคลัง”
ขณะที่คณะกรรมการชุดที่ 2 ตามแผน Rebuild สร้างประเทศไทยใน
ระยะยาว ก็น่าสนใจเช่นกัน แถมน่าสนใจกว่ากรรมการชุด "กยอ.-วีรพงษ์"
เสียอีก
นั่นก็คือ"คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ"หรือกยน. อันมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Strategic Committee for Water Resources Management” หรือ “SCWRM”
เหตุที่บอกว่าน่าสนใจก็เพราะมี "สุเมธ ตันติเวชกุล"เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ที่คนรู้กันดีว่าชื่อนี้ "ไม่ธรรมดา" เป็นที่ปรึกษากรรมการชุดนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งพร้อมกันกับกรรมการชุด กยอ.
คำสั่งตั้งกรรมการชุดกยน. ประกอบด้วยบุคคลตามรายชื่อดังนี้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ที่ปรึกษาคณะกรรมการ จะมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯเป็นประธานกรรมการ
กรรมการที่เหลือคือ นายกิจจา ผลภาษี อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่นั่งควบสองตำแหน่งคือเป็นกรรมการกยอ.และกยน. ,นายชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล อาจารย์ภาควิชาวิศกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เคยทำวิจัยเรื่อง การหาความสัมพันธ์ของระดับน้ำและปริมาณน้ำปากแม่น้ำเจ้าพระยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ,นายนิพัทธ พุกกะณะสุต อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ,นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานครปี 2543 และอดีตอธิบดีกรมชลประทาน,นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ, นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,นายรอยล จิตดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ที่ก็เป็นหนึ่งในทีมวิชาการของศปภ.,
นายรัชทิน ศยามานนท์ อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการ ที่ข่าวว่าสนิทกับสายจันทร์ส่องหล้าในพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร, นายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนคม ผู้เคยถูกสอบสวนเอาผิดหลายเรื่องสมัยนั่งเป็นประธานบอร์ดบริษัทท่าอากาศยานไทย(ทอท.)ในช่วงก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์
นายสนิท อักษรแก้ว ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, นายสมบัติ อยู่เมือง นักวิชาการชื่อดังจากศูนย์วิจัยภูมิสารสนเทศเพื่อประเทศไทยภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และอดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา , นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายเสรี ศุภราทิตย์ นักวิชาการชื่อดังในช่วงน้ำท่วมตอนนี้ จนหลายคนลืมตำแหน่งทางราชการไปแล้วคือ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยาน สิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ,นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิศาสตร์สารสนเทศ ทีมวิชาการที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของศปภ.
ส่วนกรรมการโดยตำแหน่งประกอบด้วยเลขาธิการคณะกรรมการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำ ,เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ , อธิบดีกรมชลประทาน, อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง
สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุด กยน.ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีมีดังนี้
1.ทบทวนนโยบาย แผนงานและแผนปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ระดมความคิดเห็น และความรู้เพื่อจัดทำเป็นจ้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาและวางระบบการบริหารจัดการน้ำของประเทศ รวมทั้งจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและวางกรอบ ยุทธศาสตร์การลงทุนด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศเสนอแก่รัฐบาล ทั้งนี้ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและการสร้างอนาคตประเทศ
2.รายงานการทำงานแก่ครม.เป็นประจำ
3.เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของกยน.ให้ถือเป็นหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงาน อื่นของรัฐที่ต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของกยน.
4.ให้ ความเห็นชอบในการว่าจ้างที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อปฏิบัติงานที่เกี่ยว ข้องกับความรับผิดชอบของกยน.และกำหนดค่าตอบแทนตามความจำเป็น
5.แต่งตั้งที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่างๆตามที่มอบหมาย
6.ดำเนินการอื่นๆตามที่นายกฯหรือครม.มอบหมาย
หลากมุมมองของนักการเมืองต่อการตั้งกรรมการทั้งสองชุดมีทั้งเห็นด้วย-แสดงข้อกังขา รวมถึงไม่เชื่อมั่นในตัวกรรมการทั้งสองชุด ซึ่งก็ต้องดูว่าผู้ให้ความเห็นยืนอยู่ซีกไหนทางการเมือง อย่างไรก็ตามการทำงานของคณะกรรมการทั้งชุดดร.วีรพงษ์และนายสุเมธ คงเริ่มเดินเครื่องกันตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป แต่จะติดเครื่องออกสตาร์ทไปได้ไกลแค่นั้น หลายคนยังไม่อยากประเมิน เพราะตอนนี้คงต้องป้องกันไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพมหานครจนมิดมากไปกว่านี้
จากนั้นพอน้ำแห้งค่อยว่ากันอีกทีว่า การทำงานของกรรมการทั้งสองคณะดังกล่าวที่หวังผลภายใต้กรอบระยะยาว สุดท้าย จะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ตัวนายกรัฐมนตรีจะให้ความร่วมมือกับกรรมการมากน้อยแค่ไหน
ไม่ใช่ว่าพอน้ำแห้ง รัฐบาลประคองตัวรอดไปได้ คนเอาผิดไม่ได้ทั้งด้านการเมืองและกฎหมาย ตัวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้สนใจการทำงานของกรรมการทั้งสองชุดอีกต่อไปแล้ว พอใกล้ช่วงหน้าฝนกลางปีหน้าก็ค่อยมาให้ความสำคัญอีกที แบบนี้ ก็ไม่ไหว
จะกลายเป็นว่า "สุเมธ-โกร่ง"ก็แค่ "เบี้ย"ให้ยิ่งลักษณ์ นำมายันให้อยู่รอดไปก่อนแค่นั่น จะเสียคนเอา ก็งานนี้