- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- น้ำลดตอผุด : ศปภ.อู้ฟู่ ครม.อนุมัติงบกลาง 3 รอบ 5 พันล้าน
น้ำลดตอผุด : ศปภ.อู้ฟู่ ครม.อนุมัติงบกลาง 3 รอบ 5 พันล้าน
“ศปภ.” อู้ฟู่ ครม.อนุมัติงบกลาง 3 รอบ 5 พันล้าน “เกษตรฯ” อันดับ 1 รับ 1.1 พันล้าน “มหาดไทย” 600 ล้าน “ปภ.” ฟาด เกือบ 500 ล้าน ขนเงินบริจาคซื้อของ 298 ล้าน “ถุงปลิดชีพ” แค่ “จิ๊บๆ
โบราณว่าต่อให้น้ำมาเท่าไหร่ แต่เมื่อน้ำลดแล้ว “ตอ” ย่อม “ผุด-โผล่” ให้เห็นเสมอ
เช่นเดียวกับวิกฤตมหาอุทกภัยครั้งนี้ ที่เดือดร้อนไปทุกหย่อมหย้า โดยรัฐบาล “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ภายใต้การมอบหมาย ตามคำสั่งสำนักนายกฯที่ 193/2554 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2554 แต่งตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย”(ศปภ.) เป็นหัวเรือใหญ่เข้าช่วยเหลือ ทั้งการบริหารจัดการน้ำแก้วิกฤต และ งบฟื้นฟูเยียวยา
แต่ ดูเหมือนกระแสความนิยมต่อ “ศปภ.” ที่มี “พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” รัฐมนตรียุติธรรม นั่งเป็นผอ.ศปภ.นั้น ไม่ค่อยสวยสดงดงามเท่าไหร่ ทั้งแง่การบริหารจัดการ ตลอดจนความ “โปร่งใส” ในการบริหารงบประมาณ โดยเฉพาะจัดซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคหลายรายการ
จากการตรวจสอบเอกสารการขออนุมัติงบกลางศปภ. เพื่อช่วยเหลือบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมา พบว่า “ศปภ.” ได้รับการอนุมัติงบกลาง จาก ครม.รวมทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท ด้วยเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน จากรายการงบเบิกจ่ายเหลื่อมปีประจำปีงบ 2554 และ รายการงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินจำเป็นประจำปีงบ 2554 โดยผ่านการอนุมัติจากครม. 3 ครั้ง ดังนี้
1.ที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม อนุมัติวงเงิน 2,000 ล้านบาท
2.ที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม อนุมัติวงเงิน 1,500 ล้านบาท
3.ที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน อนุมัติวงเงิน 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการบริหารงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์ของศปภ.ในช่วงที่ผ่านมา ได้อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือเยียวยา ตลอดจนจัดซื้อสิ่งของต่างๆ อาทิ ถุงยังชีพ เรือ บิ๊กแบ็ก สินค้าสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ หลายรายการโดยมีการจัดทำเอกสารรายงานการใช้จ่ายงบประมาณของ “ศปภ.” สถานะข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ใช้จ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 2,534 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.68 ของงบทั้งหมด(5,000 ล้านบาท) ประกอบด้วย
1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1,112 ล้านบาท โดยกรมชลประทานได้รับถึง 1 พันล้านบาท กรมปศุสัตว์ 25 ล้านบาท และกรมประมง 1.8 ล้านบาท
2.กระทรวงมหาดไทย 604 ล้านบาท โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ได้รับถึง 481 ล้านบาท และกรมโยธาธิการและผังเมือง 122 ล้านบาท
3.กระทรวงสาธารณสุข 225 ล้านบาท
4.กระทรวงกลาโหม 195 ล้านบาท
5.กระทรวงคมนาคม 151 ล้านบาท
6.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) 141 ล้านบาท
7.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ 57 ล้านบาท
8.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ 21 ล้านบาท
9.กระทรวงยุติธรรม 9 ล้านบาทเป็นที่น่าสังเกตว่า จัดสรรให้กรมราชทัณฑ์ทั้งหมด
10.กระทรวงอุตสาหกรรม 8.2 ล้านบาท
11.กระทรวงศึกษาธิการ 5.4 ล้านบาท และ
12.กระทรวงวิทยาศาสตร์ 1.8 ล้านบาท
นอกจากงบกลาง 5,000 ล้านบาแล้ว “ศปภ.” ยังบริหารจัดการงบกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมี “นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกองทุนมีอำนาจอนุมัติไม่จำกัดวง เงินในแต่ละครั้ง โดยสถานะกองทุนตั้งต้น ณ วันที่ 1 กันยายน 2554 จากการระดมบริจาคจากภาคประชาชน เอกชน ภาคธุรกิจ ฯลฯ อยู่ที่ 998 ล้านบาท
จากนั้นทั้ง “พล.ต.อ.ประชา” และ “นายยงยุทธ” ก็ร่วมันบริหารจัดการกองทุนฯ อนัมุติเบกจ่ายให้กับหน่วยงานต่างๆนำไปช่วยเหลือเยีวยาผู้ประสบภัย อาทิ กรณีบาดเจ็บ เสียชีวิต สนับสนุนมูลนิธิ องค์กรภาคเอกชน ดำเนินกิจกรรมสาธารณะช่วยเหลือประชาชน ซื้อถุงยังชีพ ซื้อเรือ เครื่องยนต์เรือ ฯลฯ
โดยส่วนที่เป็นที่น่าสังเกตุ คือ พ่องานใหญ่ของ “ศปภ.” และ “กองทุนฯ” ที่เป็นหัวหอกในการจัดซื้อสินค้าหลายรายการและเป็นจำนวนมากคือ “ปภ.” นั่นเอง และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความโปร่งใส และการซื้อราคาแพงกว่าท้องตลาด
ทั้งนี้เฉพาะงบจากเงินบริจาค ที่จัดซื้อผ่าน “ปภ.” วงเงินทั้งสิ้น 298 ล้านบาท (ยังเพิ่มอีกเรื่อยๆจนกว่าสถานการณ์ภัยพิบัติจะยุติ)
กับรายการาสินค้าได้แก่
1.เรือท้องแบนไฟเบอร์กลาส 30 ลำ ลำละ 2.5 แสนบาท วงเงิน 7.5 ล้านบาท
2.เรือพาย 209 ลำ ลำละ 5.5 พันบาท วงเงิน 1.14 ล้านบาท
3.ห้องสุขาเคลื่อนที่ทำด้วยไฟเบอร์ 18 ห้อง ห้องละ 3.2 หมื่นบาท วงเงิน 5.7 แสนบาท
4.ถุงยังชีพ 1 หมื่นถุง ถุงละ 500 บาท วงเงิน 5 ล้านบาท
5.สุขากล่องกระดาษ 88 อัน อันละ 245 บาท วงเงิน2.1 หมื่นบาท
6.เรือพายขนาดเล็ก 5 พันลำ ลำละ 5 พันบาท วงเงิน 25 ล้านบาท
7.ถุงยังชีพ 1 แสนถุง ถุงละ 800 บาท วงเงิน 80 ล้านบาท
8.เต็นท์นอน 6 ขนาดตั้งแต่เล็ก-ใหญ่ รวม 10,450 หลัง วงเงินรวม 33.7 ล้านบาท
9.สุขาเคลื่อนที่ 800 หลัง หลังละ 3.2 หมื่นบาท วงเงิน 25 ล้านบาท
10.สุขามือถือพลาสติก 3 หมื่นชุด ชุดละ 400 บาท วงเงิน 12 ล้านบาท
11.สุขามือถือกระดาษ 3 หมื่นชุด ชุดละ 245 บาท วงเงิน 7.3 ล้านบาท
12.ถุงพลาสติกสำหรับใส่น้ำสะอาดขนาด5 ลิตร จำนวน 1 ล้านใบ ใบละ 2.5 บาท วงเงิน 2.5 ล้านบาท
13.ถุงยังชีพ 3.6 หมื่นถุง ถุงละ 500 บาท วงเงิน 18 ล้านบาท
14.ถุงยังชีพ 1 แสนถุง ถุงละ 800 บาท วงเงิน 80 ล้านบาท
โดยทั้ง 14 รายการนี้ มีการจัดทยอยจัดซื้อทั้งสิ้น 5 ครั้ง ซึ่งรายการ “ถุงยังชีพ” ราคา 800 บาท 1 แสนถุง วงเงิน 80 ล้านบาทที่แสนอื้อฉาวนั้น เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของรายการจัดซื้อ
ดังนั้น หากถลกกระบวนการจัดซื้อทั้งหมด อย่างลงลึกทีละรายการ ย่อมหนาวสะเทือนแก่ “ปภ.” ลามไปถึงเก้าอี้รองนายกฯและรัฐมนตรีเอาง่ายๆ...
ที่มาภาพ :