ปมปั้นบัญชีขายทอดตลาดรถทหาร 1.1 พันคัน ไฉน‘ลูกน้อง’ตายเดี่ยว (อีกแล้ว)?

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 25 ธันวาคม 2560 เวลา 15:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | จัดซื้อจัดจ้าง | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

พลิกข้อมูล ขรก.อย่างน้อย 4 คน มีชื่อในบัญชีขายทอดตลาดรถทหาร 1.1 พันคันโยงสวมทะเบียน ไฉน! ก.กลาโหม สั่ง ปลด ‘พ.อ.’ รอง ผอ.กองคลัง ขส.ทบ. ออกจากราชการเพียงคนเดียว? ผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่?

picididdddddeeeeee

กรณี พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รับคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 1180/2560 วันที่ 24 พ.ย.2560 ปลด พ.อ.ภพกฤต พันธ์ยศ ออกจากราชการ เป็นทหารกองหนุน ไม่มีเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ สังกัด มทบ.11 เนื่องจากกระทำความผิดวินัยทหารฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.อ.ภพกฤต มีชื่อพัวพันกับ กรณีการประมูลขายทอดตลาดรถยนต์ชำรุดของ กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.)

หลายคนตั้งสงสัยว่า กรณีดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้องเพียงคนเดียวหรือ?

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมารายงานอีกครั้งให้เห็นอย่างชัดๆ

กรณีการประมูลขายทอดตลาดรถยนต์ชำรุดของ กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) มีการจัดทำบัญชีรถทอดตลาด อย่างน้อย 9 ครั้ง 1,136 คัน โดยรถที่ถูกนำมาประมูลขาย มีทั้งรถบรรทุก รถยนต์นั่งส่วนบุคคล หลายยี่ห้อบางยี่ห้อ ไม่มีใช้งานใน ขส.ทบ. หรือมิใช่รถยนต์ทหาร แต่กลุ่มบุคคลใช้วิธีเอารถจากบุคคลภายนอกที่จัดเตรียมไว้มาสวมบัญชีผ่านการประมูลของทางราชการและเป็นบัญชีเท็จ มีผู้ปรากฎชื่อเอกสารบัญชีรถขายทอดตลาดที่ส่งให้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมในแต่ละครั้ง อย่างน้อย 4 คน (ไม่รวมเอกชน) คือ

1.พ.อ.ภพกฤต พันธ์ยศ รอง ผู้อำนวยการ กองคลัง ขส.ทบ. (ตามข้อมูลที่รายงานไปแล้ว)

2. พ.ท.หญิงศิริโสภา จันทรรุกขา หัวหน้าแผนกทะเบียน กองคลังฯ

กรณี 165 คัน -มีชื่อในบัญชีรายละเอียดการขายทอดรถยนต์นำส่งกรมการขนส่งทางบก รถจิ๊ปจำนวน 165 คัน เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2557 และ ลงลายมือชื่อรับรองสำเนา ในเอกสารประกาศขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2557 และเป็นผู้ใบเสร็จรับเงินเมื่อ 24 ก.พ.2557

3.พันเอก ประกาศ สังกัด ขส.ทบ. มีชื่อในเอกสารบัญชีนำส่งกรมการขนส่งทางบก จำนวน 111 คัน เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2558

4.นายทหารยศ พ.ท. ‘น.’ ระดับหัวหน้า สังกัด ขส.ทบ. ปรากฎชื่อ ในเอกสารบัญชีนำส่งกรมการขนส่งทางบก จำนวน 111 คัน เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2558 และ ลงลายมือชื่อรับรองสำเนาใบเสร็จรับเงิน เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2558

กรณี พ.อ.ป. นั้น เมื่อ 25 เม.ย.2560 พล.ต.สมศักดิ์ ทรัพย์อนันต์ เจ้ากรมการขนส่งทหารบก (ขณะนั้น) ทำหนังสือแจ้งกรมการขนส่งทางบกว่า เป็นความเข้าใจผิดในการนำส่งบัญชีที่ชำรุดของ พ.อ.ประกาศ ขณะที่เจ้าตัวชี้แจงต่อสำนักข่าวอิศราทำนองเดียวกันว่าเป็นความเข้าใจผิด โดยเข้าใจว่าเป็นลอต 128 คัน เพราะผู้ซื้อคนเดียวกัน ชี้แจงผู้บังคับบัญชาแล้ว (อ่านประกอบ: แค่เข้าใจผิด! พันเอก ขส.ทบ.แจงปมชื่อโผล่ขายทอดตลาดรถ 111 คัน ยันสุจริต)

กรณีของ พ.ท.หญิงศิริโสภา จันทรรุกขา ถูกปลดออกจากราชการไปแล้วเนื่องจาก พัวพันคดีลักลอบขายรถจำนวน 49 คัน ขส.ทบ. เมื่อปี 2557 ต่อมาถูกกองทัพบกตั้งกรรมการสอบสวนและปลดออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.2559 (ประกาศเมื่อ 28 ก.พ.2560 )

เมื่อถูกปลดออกไป 2 คนที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้และกรณีอื่น แล้วบุคคลอื่นๆ มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้อเท็จจริงหรือไม่ รวมทั้งผู้บังคับบัญชาของบุคคลดังกล่าวต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่?

หรือต้องรอผลสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

ทางด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีการปลดทหารว่า ไม่ทราบรายละเอียดจริงๆ แต่สำหรับทหารแล้วถ้าหากมีกรณีการกระทำความผิดแล้วเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ทางหน่วยก็จะพิจารณา ซึ่งโทษสูงสุดก็จะเป็นการไล่ออกจากราชการ ซึ่งการพิจารณาของหน่วยงานนั้นมีความรวดเร็วอยู่แล้ว และถ้าเป็นความผิดที่เกี่ยวกับกฎหมายบ้านเมือง ก็จะต้องมีขั้นตอนอื่นๆตามมาด้วย ส่วนกรณีที่ว่านายทหารถูกลงโทษแค่นายเดียวนั้น ตนเห็นว่าขั้นตอนเหล่านี้บางทีต้องใช้เวลาพิจารณาหาข้อสรุป

กรณีนี้ ณ เวลานี้ต้องรอกันต่อไป